จากกรณีที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้มอบหมายให้ทุกหน่วยงานจัดทำ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รอบใหม่ในช่วงปลายปี 2565 เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ ให้กับประชาชน
โดยมาตรการเบื้องต้นที่จะออกมานั้น นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ระบุว่า อาจมีมาตรการต่าง ๆ เช่น คนละครึ่ง เฟส 6 เราเที่ยวด้วยกัน และ ช้อปดีมีคืน ซึ่งมาตรการทั้งหมดอยู่ในลิสที่กระทรวงการคลังกำลังพิจารณาอยู่นั้น
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) มีหนังสือประทับตรา ด่วนที่สุด ที่ นร 0505/ว 463 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2565 เรื่อง การดำเนินโครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ.2566 ให้แก่ประชาชน ไปถึงรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี กระทรวง กรม โดยระบุข้อความว่า ด้วยในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2565 คณะรัฐมนตรีมีมติให้ทุกส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐเร่งพิจารณาแผนงาน/โครงการในความรับผิดชอบที่สมควรดำเนินการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ.2566 ให้แก่ประชาชน
ล่าสุด สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้ทำหนังสือด่วนที่สุดถึงทุกหน่วยงาน ถึงการดำเนินโครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ.2566 ให้กับประชาชน โดยระบุรายละเอียด ดังนี้
ด้วยในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2565 คณะรัฐมนตรีมีมติ ให้ทุกส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐเร่งพิจารณาแผนงาน/โครงการในความรับผิดชอบที่สมควร ดำเนินการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ.2566 ให้แก่ประชาชน
โดยแผนงาน/โครงการดังกล่าว ต้องสามารถดำเนินการให้มีผลในทางปฏิบัติต่อส่วนรวมได้ทันในช่วงเทศกาลปีใหม่อย่างแท้จริง ไม่ขัดต่อกฎหมาย และประกาศเตือนของคณะกรรมการการเลือกตั้ง และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศด้วย เช่น โครงการคนละครึ่ง โครงการเราเที่ยวด้วยกัน
ทั้งนี้ ให้ทุกส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐนำแผนงาน/โครงการดังกล่าว เสนอต่อคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว ภายในวันที่ 29 พฤศจิกายน 2565 เพื่อพิจารณาความเหมาะสม และสอดคล้องในภาพรวมก่อน
วงในเผย
โดยก่อนหน้านี้ นายสุพัฒนพงษ์ พันธุ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เคยบอกไว้ว่า
โดยรัฐบาลเตรียมมาตรกระตุ้นเศรษฐกิจส่งท้ายปี และเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน ทั้ง โครงการคนละครึ่ง-ช้อปดีมีคืน-เที่ยวด้วยกัน เฟสใหม่
นอกจากนี้ ยังมีโครงการที่จะช่วยเหลือประชาชน หรือมาตรการอื่นๆที่จะทำให้ประชาชนได้รับความสะดวกสบายเพิ่มเติม ในชีวิตประจำวัน ในการช่วยเหลือเพื่อลดค่าครองชีพ จากนั้นให้กระทรวงการคลังได้ไปดู ว่ากรอบวินัยการเงินการคลังที่รวบรวมส่งมาถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ เพื่อให้มีความละเอียดและรอบคอบ
ที่สำคัญต้องไม่ขัดกฎหมายกับกฎหมายและประกาศเตือนของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยให้เสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีภายในวันที่ 29 พ.ย.2565
ขอบคุณที่มา ฐานเศรษฐกิจ