หลังจากคณะกรรมการ กสทช.เลื่อนการประชุมเพื่อพิจารณากรณีควบรวมธุรกิจระหว่าง บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น และ บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น หรือ ดีแทค จากกำหนดเดิมที่จะพิจารณาในการประชุมบอร์ดเมื่อวันที่ 14 ก.ย.65
หลังจากสำนักงาน กสทช.ได้นำส่งข้อมูลรายงานผลการศึกษาวิเคราะห์ผลกระทบ ตามที่กสทช.สั่งการให้ที่ประชุมเรียบร้อยแล้ว แต่ที่ประขุมยังต้องการรอหนังสือตอบกลับจากคณะกรรมการกฤษฎีกากรณีสำนักงาน กสทช.ได้ขอความเห็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของ กสทช.ในการพิจารณาดีลควบรวมทรู-ดีแทคในครั้งนี้ทำให้ที่ประชุมต้องเลื่อนการพิจารณาออกไป
กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ศ.ดร.พิรงรอง รามสูต ระบุ บอร์ด กสทช.มีมติเสียงส่วนใหญ่ให้รอผลการตีความจากคณะกรรมการกฤษฎีกาว่า จะมีแนวทางการพิจารณาเรื่องควบรวมธุรกิจดังกล่าวว่าการควบรวมอยู่ในอำนาจของ กสทช.หรือไม่ ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่าคณะกรรมการกฤษฎีกาจะตีความเเล้วเสร็จเมื่อใด ทั้งนี้ กสทช.เป็นองค์คณะที่ค่อนข้างมีความหลากหลายและอาจจะมีแนวคิดที่ไม่เหมือนกันทุกคน จึงต้องรอการตีความจากคณะกรรมการกฤษฏีกาอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม กสทช. จะต้องฟังความคิดเห็นของประชาชนประกอบด้วย โดยหน้าที่ของ กสทช.ตามกฏหมายคือการคุ้มครองผู้บริโภค ทั้งการจัดสรรคลื่นความถี่ กำกับดูแลการประกอบกิจการ และ การคุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งถือเป็นคำตอบการทำหน้าที่ของ กสทช.แล้ว
ด้านรักษาการแทน เลขาธิการ กสทช. ไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล ระบุ ในการประชุมบอร์ดกสทช.พรุ่งนี้ อาจจะยังไม่มีวาระการควบรวมธุรกิจเข้าสู่การพิจารณาก็ได้ เพราะชัดเจนแล้วว่า บอร์ดกสทช.ต้องการรอคำวินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกาตอบมา เนื่องจากเพิ่งมีการชี้แจงข้อมูลต่อกฤษฎีกาไปเมื่อวันที่ 13 ก.ย. 2565 และทางคณะกรรมการกฤษฎีกาคงต้องมีการพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ทำให้ไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าทางคณะกรรมการกฤษฎีกา จะมีคำวินิจฉัยตอบกลับมาเมื่อใด
อย่างไรก็ตาม เมื่อได้รับคำตอบจากคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว ก็สามารถจัดประชุมบอร์ด กสทช. วาระพิเศษได้ หากบอร์ดพร้อมจะพิจารณาเรื่องนี้และยืนยันว่าที่ผ่านมาทางกสทช. เร่งรีบในการพิจารณาเรื่องการควบรวมธุรกิจนี้อยู่แล้ว