svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

"ธนกฤต" ให้ข้อมูล "บิ๊กเต่า" เพิ่มหลังเคยเจอตบทรัพย์ปมโครงการเช่ากำไลEM

20 กุมภาพันธ์ 2567
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์" เข้าพบ "บิ๊กเต่า" ให้ข้อมูลเพิ่มเติมหลังเคยถูกแก๊งตบทรัพย์เรียกเงินโครงการเช่ากำไล EM เพื่อประกอบสำนวนทำคดีอธิบดีกรมการข้าวถูกรีด 1.5 ล้านบาท แลกยุติเรื่องร้องเรียน

20 กุมภาพันธ์ 2567 สำหรับความคืบในการดำเนินคดีกับขบวนการแก๊งตบทรัพย์อธิบดีกรมการข่าว จำนวน 1.5 ล้านบาท เพื่อแลกกับการยุติเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับประเด็นการทุจริต ยังคงมีความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะมีนักร้องเรียนชื่อดัง อย่าง "นายศรีสุวรรณ จรรยา" ผู้นำองค์กรรักชาติรักแผ่นดิน รวมถึงฝ่ายการเมืองเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว

ล่าสุด "นายกองตรีธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์" ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำรองนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางเข้าพบ "พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว" รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง บช.ก.) เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับกรณีที่เคยถูกขบวนการของนายศรีสุวรรณ กับพวก เรียกรับทรัพย์สินในโครงการเช่าซื้อกำไล EM ของกรมราชทัณฑ์ในปี 2563 สมัยที่ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ดำรงตำแหน่ง รมว.ยุติธรรม ซึ่งนายศรีสุวรรณ ได้เคยนำมาร้องเรียนกับ "พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง" รมว.ยุติธรรม เมื่อปี 2566 มูลค่ากว่า 1,600 ล้านบาท เพื่อให้ตั้งกรรมการสอบการจัดซื้อจัดหากำไล EM ดังกล่าว 




 

โดยนายกองตรีธนกฤต กล่าวว่า การเดินทางมาวันนี้ (20ก.พ.) เป็นการติดต่อจาก พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ที่ให้ตนและทีมงานที่เกี่ยวข้องกับการกระทำของขบวนการเรียกทรัพย์ มาให้ข้อมูลกับกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ว่ามีข้อมูลอย่างไรบ้าง เพื่อนำไปประกอบในการทำสำนวนคดีขบวนการเรียกรับทรัพย์สืบเนื่องจากเหตุการณ์ของอธิบดีกรมการข้าว

 

"วันนี้เป็นการเชิญมาไม่ได้มีการออกหมายเรียก หรือขอให้มาทำหน้าที่อย่างไร ซึ่งเราทั้งหมดพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับประเด็นดังกล่าวเต็มที่อยู่แล้ว สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกีบตนตนคือในช่วงปี 2565 และในช่วงปี 2567 ซึ่งมีทีมกฎหมายของตนที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งสิ้น" นายกองตรี ธนกฤต กล่าว 

 

อย่างไรก็ตาม ตนกับบุคคลตัวย่อ นาย จ. ส่วนตัวไม่รู้จักกัน และไม่ทราบว่า นาย จ. ได้เบอร์โทรศัพท์ตนมาจากไหน ซึ่งได้ติดต่อมาพูดคุยทางโทรศัพท์ในประเด็นอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของเขาก่อน หลังจากนั้นจึงก็มีการติดต่อมาอีกครั้ง ว่าจะขอเข้าพบและมาที่ห้องทำงาน โดยการพูดคุยในวันนั้นเป็นแบบเปิดเผย ใครก็ตามที่อยู่ในห้องทำงานหรือในเหตุการณ์ก็จะเห็นว่า จ.จาน มาที่ห้องทำงานที่กระทรวงยุติธรรม สิ่งที่พูดคุยกันคนที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงน่าจะได้ยินประโยคสำคัญที่พูดคุยทั้งหมด

นายกองตรีธนกฤต กล่าวด้วยว่า ณ วันนี้เชื่อว่าเป็นแผนประทุษกรรมที่คล้ายกัน มีการพูดคุยในทำนองนั้นแต่ไม่ได้พูดถึงตัวเลขหรือจำนวนเงิน แต่ทั้งนี้ได้ศึกษาข้อกฎหมายแล้ว ในกรณีดังกล่าวการพูดลักษณะเช่นนั้นมีความหมายหรือมีเจตนาอย่างไร โดยตนทราบภายหลังจากข่าวว่าบุคคลดังกล่าวใช้คำสำคัญคล้ายกรณีอธิบดีกรมการข้าว จึงให้ทีมงานกลับมาทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับที่ห้องทำงานตนครั้งนั้นว่าคล้ายกันหรือไม่ และทราบภายหลังด้วยว่าวันที่ จ. มาที่ทำงาน ไม่ได้มาเพียงลำพัง แต่มีอีกคนที่รอในรถ

 

"เราต้องพูดให้สังคมเข้าใจด้วยว่าเราเป็นหนึ่งในผู้ถูกกระทำเช่นกัน ทั้งนี้ตอนนี้ตนมีธงในเรื่องบางอย่างแล้ว แต่ยังขอยืนยันว่าการร้องเรียนเป็นเรื่องที่ดีแต่อยากให้มีการทำเป็นอาชีพไปเลยให้ชัดเจน ไม่เช่นนั้นก็จะทำให้คนอื่นเดือดร้อนได้" นายกองตรี ธนกฤต กล่าว

 

ด้าน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณผู้ช่วยรัฐมนตรีและทีมงานที่เข้าให้ข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มบุคคลที่อยู่ระหว่างการดำเนินคดีอยู่ขณะนี้ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี และเบื้องต้นพบว่าเป็นกลุ่มบุคคลเดียวกัน คือ นาย จ. นาย ศ. แต่ยังไม่ระบุว่ามี นาย อ. ด้วยหรือไม่ ซึ่งมีแผนประทุษกรรมใกล้เคียงกัน แต่ต้องตรวจพยานหลักฐานก่อนว่าจะสามารถดำเนินการไปได้ถึงขั้นใด

ทั้งนี้ พยานหลักฐานทั้งหมดคณะพนักงานสอบสวนได้ทำการบ้าน ระหว่างแนวทางการดำเนินการไว้อย่างเป็นขั้นตอนเรียบร้อยแล้ว จากนี้พนักงานสอบสวนจะตรวจสอบพฤติกรรมต่าง ๆ ว่าสอดคล้องกับข้อมูลที่นายกองตรีธนกฤต นำมายื่นให้วันนี้หรือไม่ และจะมีความชัดเจนในประเด็นต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น ส่วนรายละเอียดอื่น ๆ ว่าเข้าข่ายความผิดทางอาญา หรือเข้าข่ายเจ้าหน้าที่รัฐกระทำความผิดหรือไม่นั้น ขอให้เป็นเรื่องในสำนวนการสอบสวน

 

"เพราะจากข้อมูลที่มีและจากการหารือกับนายกองตรีธนกฤต เบื้องต้นพบว่าข้อกฎหมายยังค่อนข้างหมิ่นเหม่ แต่เชื่อว่าสำนวนน่าจะเดินการได้ตามข้อมูลที่มี แม้จะยังไม่มีการรับจ่ายเงิน แต่กรณีนี้ถือว่าความผิดสำเร็จแล้ว เพราะมีการเรียกรับทรัพย์สินชัดเจน" พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าว 

 

"ธนกฤต" มั่นใจดำเนินคดีใหม่ได้แก๊งตบทรัพย์

อย่างไรก็ตาม นายกองตรีธนกฤต เปิดเผยภายหลังเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน บก.ปปป. นานกว่า 3 ชั่วโมง ว่า หลังจากนี้ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจในการรวบรวมพยานหลักฐาน โดยส่วนตัวเชื่อว่าสามารถเปิดเป็นวงผู้เสียหาย วงที่ 2 ได้ และมั่นใจว่าสามารถจะดำเนินเป็นคดีใหม่อีกคดีก็ได้ เพราะมีพยานบุคคลและหลักฐานชัดเจนว่า ขบวนการนี้ มีแผนประทุษกรรม จงใจเข้ามารีดทรัพย์

ทั้งนี้ ซึ่งสาเหตุที่เป็นโครงการกำไลEM เพราะห้วงระยะเวลานั้น เป็นการเบิกจ่ายงบประมาณโครงการ โดยผู้ต้องหาจึงมุ่งเน้นมายังที่โครงการดังกล่าว ซึ่งการถูกเชิญมาให้ข้อมูลในครั้งนี้ ยังสามารถเป็นหลักฐานผูกมัดตัวผู้ต้องหาในคดีแรกได้อีกด้วย

 

"หลังจากนี้หากตำรวจต้องการให้ตนเข้ามาให้ปากคำเพิ่มเติม ตนก็ยินดีที่จะให้ความร่วมมือ เพื่อไม่ให้กรณีแบบนี้เกิดขึ้นกับข้าราชการอีก" นายกองตรีธนกฤต กล่าว  

logoline