8 กุมภาพันธ์ 2567 พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ร่วมประชุมติดตามความคืบหน้าคดีเรียกรับผลประโยชน์อธิบดีกรมการข้าว โดยเปิดเผยภายหลังเข้าร่วมประชุมถึงกรณีที่ นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว เข้ามาพบตนเองเมื่อวานนี้ เพราะถูกคุมคามและมีคนไปติดตามที่บ้านว่า ขณะนี้ยังไม่เห็นข้อเท็จจริง แต่มีรถที่ผิดปกติ และมีโดรนมาหล่นในฟาร์ม ทำให้อธิบดีฯ คิดไปได้ แต่ยังไม่สรุป เพราะเมื่อวานก็มีการพูดคุยกับทางตำรวจ ซึ่งตำรวจก็ยินดีที่จะให้ความร่วมมือทุกเรื่อง
และมองว่าเป็นเรื่องปกติของคนมีเรื่อง ซึ่งอธิบดีฯเองและครอบครัว ก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว เพราะพยานหลักฐานทั้งหมดตำรวจได้มาหมดแล้ว ไม่มีอะไรที่ต้องพุ่งเป้าไปที่เป็นพิเศษ ส่วนการจัดกำลังไปดูแล คงต้องให้อธิบดีฯไปคุยกับครอบครัวก่อน ซึ่งตำรวจยังรอและพร้อมดูแล
ส่วนความคืบหน้าในการขยายผลกลุ่มผู้ต้องหาจากเพิมที่มี 4 คน คือ นายศรีสุวรรณ , นายยศวิรศ , พิมณัฏฐา และนายเอกลักษณ์ นั้น ล่าสุด หลังจากที่คณะพนักงานสอบสวนได้ปรึกษากับผู้พิพากษา และมีความเห็นไปในทางเดียวกันแล้วว่า ขณะนี้ได้เป้าหมายหลักแล้ว ก็น่าจะเป็นการออกหมายเรียกลุคคลที่เกี่ยวข้องให้เข้ามา รับทราบข้อกล่าวหา ในวันที่ 15 ก.พ. ซึ่งบุคคลที่ตำรวจออกหมายเรียก เป็นคนใกล้ชิดนายศรีสุวรรณ และมีหน้าที่เป็นตัวการร่วม เพราะจากที่เห็นพยานหลักฐานแล้ว โดยเฉพาะกล้องวงจรปิดกับแชตไลน์ ก็เชื่อว่ามีพยานหลักฐานเพียงพอ อีกทั้งมองว่า บุคคลใกล้ชิดนายศรีสุวรรณเป็นผู้หญิง และมีปัญหาเรื่องสุขภาพ จึงใช้การออกหมายเรียก โดยขณะนี้ยังติดต่อผ่านทนายความได้อยู่
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังจะเรียกผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องอีก 1 รายที่เป็นบัญชีม้า มารับทราบข้อกล่าวหาด้วย โดยรายนี้สามารถติดต่อได้ และเจ้าตัวแจ้งว่าประสงค์จะเดินทางเข้ามาพบเจ้าหน้าที่ด้วยตนเอง ภายในสัปดาห์หน้า จึงยังไม่ได้ออกหมายเรียก และในวันที่ 12 ก.พ. นี้ ข้าราชการ ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 2 คน ก็ได้นัดหมายว่าจะเดินทางเข้ามาให้ข้อมูลด้วย
ส่วนความคืบหน้าในการขยายวงผู้เสียหายเพิ่มเติม พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า ตอนนี้มีข้อมูลที่กำลังตรวจสอบมากกว่า 10 วง ทั้งวงที่อยู่ในขั้นตอนเจรจา และวงที่มีการถอนเรื่องร้องเรียนออกไปแล้ว โดยวงที่ 2 ที่กำลังจะมีความชัดเจนเร็วๆนี้ ผู้เสียหายก็คือบุคคลที่ได้ไปพบมาเมื่อวาน คือ นายกองตรีธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำรองนายกรัฐมนตรี และเป็นเรื่องของกำลไอีเอ็ม โดยพบว่า มีแผนประทุษกรรมในการไปเจรจาเหมือนกันทุกอย่าง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้ก่อเหตุ ใช่ นาย อ. กับ นาย จ. หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ตอบว่า กลุ่มผู้ต้องหาเป็นกลุ่มเดียวกัน โดยลักษณะของแผนปทุษกรรม มีการเข้าไปพูดคุยกับนายกองตรีธนกฤต แต่เจ้าตัวไม่เล่นด้วย และได้มีการชี้แจงไปแล้ว แต่กลุ่มนี้ก็เลยไปพูดคุยกับรัฐมนตรีฯ ซึ่งรัฐมนตรีฯ ก็มีการชี้แจงข้อเท็จจริงให้เข้าใจ แต่กลุ่มผู้ต้องหาไม่เข้าใจและก็ยังดื้อดันทุรัง พยายามที่จะตีให้ได้ ซึ่งตัวเลขที่เรียกเงินถือว่าไม่เยอะมาก "แค่เด็กๆ" เพราะยังไม่พบการกระทำผิด แค่เป็นการดิสเครดิตให้เสียชื่อเสียง และทางผู้เสียหายก็ยังไม่ได้มีการจ่ายเงินให้ไป
"โดยวง 2 นี้ พนักงานสอบสวนกำลังอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน และสอบปากคำ เมื่อได้ข้อมูลครบถ้วน จะส่งให้ ป.ป.ช. พิจารณาถึงอำนาจหน้าที่ แล้วก็จะดำเนินคดีต่อไป ส่วนวง 3 ที่จะเปิดต่อไปนั้น ขอยังไม่บอกว่าเป็นหน่วยงานไหน แต่ก็เป็นหน่วยงานข้าราชการ ผู้เสียหายเป็นระดับผู้ใหญ่ โดยผู้เสียหายรับปากว่าจะเข้ามาให้ข้อมูล ขณะนี้อยู่ระหว่างการนัดหมายกัน" รอง ผบช.ก. กล่าว
ส่วนกรณีของนายเสกสกล อัตถาวงศ์ หรือ แรมโบ้ ที่ได้มาให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวน ปปป. เมื่อวานนี้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่า เป็นการให้การที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี โดยเป็นผู้ต้องหากลุ่มเดียวกัน และมีแผนประทุษกรรมคล้ายกัน ซึ่งนายเสกสกล ได้นำหลักฐานมาให้หลายอย่าง แต่ไม่ได้มีการร้องขอให้โอนคดีมาที่ ปปป. โดยข้อมูลที่นำมาให้ก็เป็นประโยชน์ที่นำมาใช้ขยายผลได้ และทำให้คดีปัจจุบันมีน้ำหนักมากขึ้น แต่ในส่วนของ นาย ว. ที่เป็นตัวละครของคดีแรมโบ้ จะต้องเรียกมาสอบหรือไม่ มองว่าเป็นเรื่องของพนักงานสอบสวนที่ทำคดี
"ตอนนี้ข้อมูลที่นายเสกสกลให้มาถือว่ามีประโยชน์ แต่ถ้า นาย ว.แหวน ที่ถูกกล่าวอ้าง มีข้อมูลเรื่องดังกล่าว ก็สามารถมาให้ข้อมูลได้" พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวทิ้งท้าย