17 ตุลาคม 2565 เมื่อเวลา 10.30 น. ที่กระทรวงยุติธรรม ทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ พา น.ส.ก้อย และ น.ส.เบิร์ด (นามสมมติ) ผู้เสียหายที่เป็นผู้ประกอบการสร้างบ้านพัก ขายให้กับกำลังพลกองทัพบก เดินทางเข้าพบ ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการ รมว.ยุติธรรม เพื่อยื่นขอคุ้มครองพยาน หลังถูกทหารนายหนึ่ง ของกองทัพบกข่มขู่คุกคามเพราะรู้ความลับ มีหลักฐานสำคัญ เกี่ยวกับการกู้ยืมเงินสวัสดิการกองทัพบกที่ไม่เป็นธรรม และเป็นชนวนเหตุ จ่าคลั่งกราดยิงที่โคราช
ทนายไพศาล กล่าวว่า วันนี้พาผู้เสียหายมาขอคุ้มครองพยาน หลังถูกนายทหารข่มขู่ถึงชีวิต เพราะเกี่ยวข้องกับทหารระดับนายพล โดยกำลังพลซึ่งเป็นผู้เสียหายหลายราย ได้กู้ยืมเงินจากสวัสดิการทหารบก ซึ่งทางกรมฯ อ้างว่า จะต้องหักค่าธรรมเนียมกองทัพบก 5% ยกตัวอย่างเช่น บ้านราคา 1 ล้านบาท กำลังพลจะต้องกู้สวัสดิการ วงเงิน 1,500,000 บาท และจะถูกหัก 5% คือ 75,000 บาท เป็นค่าธรรมเนียมกองทัพบก โดยกำลังพล (ผู้กู้) จะไม่ทราบว่า มีการหักเงินตรงส่วนนี้ไว้ นอกจากนี้ ยังมีการหักค่าเงินทอนส่วนต่างอีกประมาณ 4 แสนบาท ซึ่งเงินก้อนนี้จะต้องเก็บไว้เพื่อตกแต่งบ้าน ทำให้จำนวนเงินหายจากที่ได้รับจริง 2 ส่วน คือ ส่วนหัก 5 % และ ส่วนหักค่าเงินทอน
“ซึ่งประเด็นนี้กรณีของจ่าคลั่งที่กราดยิงโคราช อาจทำให้เข้าใจผิดคิดว่าเงินทั้ง 2 ส่วน ไปอยู่กับผู้ประกอบการ จึงไปตามทวงถามเงินกับผู้ประกอบการ ก็คือ ป้านงค์ ที่ถูกยิงเสียชีวิตในเหตุการณ์ครั้งนั้น เพราะไม่พอใจที่ป้านงค์ เก็บเงินส่วนต่างสำหรับตกแต่งบ้าน รวมถึง 5% สวัสดิการ ประกอบกับบ้านที่จ่าคลั่งซื้อ แต่ยังสร้างไม่เสร็จ ระบบน้ำไฟต่าง ๆ ก็ยังไม่เสร็จ จึงไม่พอใจและก่อเหตุดังกล่าว”
ทนายไพศาล กล่าวต่อว่า ที่สำคัญ คือ ส่วนต่าง 5 % ของสวัสดิการกองทัพบกนั้น ที่กำลังพลไม่ได้รับเงินส่วนนี้หายไปไหน หรือส่งต่อให้เจ้าหน้าที่คนใด นอกจากนี้ กำลังพลได้มาทวงถามเงินคืนจากผู้ประกอบการ ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้ว่าเงินถูกหักมาตั้งแต่สวัสดิการกองทัพบกแล้ว อย่างไรก็ตาม ยังมีกำลังพลอีกรายหลาย ได้รับผลกระทบจากเงินส่วนต่างและเงิน 5 % หวั่นเกิดเหตุการซ้ำรอยที่ จ.นครราชสีมา
ด้าน น.ส.ก้อย เปิดเผยว่า ตัวเองเป็นผู้ประกอบการสร้างบ้าน ขายให้กับกำลังพลของกองทัพบก แต่ไม่ทราบว่าถูกหักเงิน 5% เพราะถูกกรมสวัสดิการเก็บไว้ อ้างเป็นค่าธรรมเนียมของกองทัพบก สุดท้ายแล้วไปสืบจนทราบว่า 5% ตรงนี้กองทัพบกไม่มีระเบียบในการจัดเก็บ เป็นการเก็บเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง ของนายทหารคนหนึ่ง ของกรมสวัสดิการทหารบก
ขณะที่ ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต กล่าวว่า ในส่วนของกระทรวงยุติธรรม จะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบกระบวนการกู้ยืมเงินสวัสดิการทหารบกว่า เป็นอย่างไร และมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง พร้อมให้กรมคุ้มครองสิทธิฯ ดูแลคุ้มครองพยาน และ ฝ่ายกฎหมายของกระทรวงยุติธรรมช่วยตรวจสอบว่า จะให้ดำเนินคดีในข้อหาอะไรได้บ้าง หากมีเจ้าหน้าที่เรียกรับผลประโยชน์จริง
นอกจากนี้ เอกสารลับและวงจรปิดหลักฐาน ที่ทนายไพศาลและผู้ประกอบการผู้เสียหาย มายื่นขอคุ้มครองพยาน เพราะนอกจาก น.ส.ก้อย ยังมีผู้ประกอบการรายอื่น ๆ อีก เช่น น.ส.เบิร์ด เป็นผู้ประกอบการสร้างบ้านจัดสรร ขายให้กับกำลังพลกองทัพบกเหมือนกัน และพอเกิดปัญหา กำลังพลมาทวงถามเงินทอนส่วนต่าง และเงิน 5% ทาง น.ส.เบิร์ด ยอมจ่ายเงินทั้งหมด 3 หลัง ราคากว่าล้านบาท ให้กับกำลังพลที่มาซื้อบ้าน เพราะไม่อยากมีปัญหากับกองทัพบก แล้วจะถูกตัดสิทธิ์เข้าโครงการ บ้านอีกกว่า 100 หลังจะขายไม่ได้