การออกมาเคลื่อนไหวของ "ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์" ที่ตอนนี้ได้รับตำแหน่งทางสาธารณะ "จอมแฉ" อย่างเป็นทางการ โดยล่าสุดประกาศว่านับตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันเลือกตั้ง"พรรคภูมิใจไทย" จะเป็นเป้าอันดับแรก ในการขอต่อต้านและแฉความไม่ชอบมาพากลที่เกี่ยวข้องให้ถึงที่สุด
แน่นอนว่า การส่งสัญญาณของ"ชูวิทย์" ที่ดูเอาจริงเอาจังเป็นกรณีพิเศษ ย่อมส่งผลสะเทือน "พรรคสีน้ำเงิน" ในช่วงหาเสียงแบบเลี่ยงไม่ได้
แม้หลายคนมองว่า การที่ชูวิทย์หยิบยก"โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม" มาฉายหนังซ้ำอาจไม่มีอะไรในกอไผ่
แม้อ้างว่าโครงการนี้จะมีเงินทอน"สามหมื่นล้านบาทไว้ให้บางพรรคใช้หาเสียง"ซึ่งเป็นอานิสงส์จากศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายกฟ้องในคดี บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จํากัด มหาชน (บีทีเอส) ยื่นฟ้อง คณะกรรมการคัดเลือกฯ และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กรณีมีมติแก้ไขเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์และวิธีการพิจารณาผู้ชนะการประเมินของเอกสารการคัดเลือกเอกชนไปแล้ว
แต่ยังมีคดีที่เกี่ยวข้องอยู่ในชั้นศาลอีกสามคดีพอมีลุ้นให้คดีพลิกก็ตาม ดังนั้นต้องจับตาเคส "รถไฟฟ้าสายสีส้ม"ไปอีกระยะใหญ่ เพราะไม่รู้ว่า"จอมแฉ"จะอาศัยกระแสข่าวในแต่ละวันออกมาเปิดโปงเช่นใดต่อไป
ขณะเดียวกันพิจารณาให้ลึกลงไป ในการขยับวาระ"รถไฟฟ้าสายสีส้ม"คราวนี้ มีการพาดพิงไปยังองค์กรย่านสนามบินน้ำแบบ"งงกันทั้งบาง"ว่า "มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไร..."
หากถอดใจความการขยับหมากนี้ของ"ชูวิทย์" พบว่า”อาจมีผลทางใดทางหนึ่งที่พัวพันกับการพิจารณาคดีการต่อสัมปทานของรถไฟฟ้าสายสีเขียวไปด้วย........."
เนื่องจากมีรายงานหลุดออกมาว่า อีกไม่นาน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จะมีการลงมติกรณี "ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ บริพัตร สมัยดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯกทม.กับพวก กรณีว่าจ้างบริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC เดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย 3 เส้นทาง ไปจนถึงปี 2585 ซึ่งเป็นการหลีกเลี่ยงและไม่ปฏิบัติตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงาน หรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 และพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 และเอื้อประโยชน์ให้แก่ BTSC เพียงรายเดียว"
สำนวนดังกล่าวมีการร้องเรียนมาหลายปีแล้ว ฉะนั้น บทสรุปของเรื่องนี้ ป.ป.ช.ต้องเปิดเผยออกมาให้สังคมรับรู้ในเร็ววัน
จากข้อมูลที่หลุดรั่วชนิดได้รับฟังกันอย่างหูผึ่ง พบว่า ใครบางคนที่มีเก้าอี้ระดับบิ๊กๆ ละแวกสนามบินน้ำพยายามชี้ช่องว่า "เคสนี้ไม่น่าจะมีความผิด..." ทั้งๆที่หลักฐานค่อนข้างชัดเจนว่า "ส่อแววกระทำผิดโดยมีขบวนการทางกฎหมายร่วมกันร่างสัญญาแบบเซียนเหยียบเมฆ"
ข้อมูลวงใน ยังระบุ บิ๊กๆสนามบินน้ำบางคนแตะมือบิ๊กตำรวจนายหนึ่งที่กำลังขึ้นหม้อพยายาม"พลิกคดี"รถไฟฟ้าสายสีเขียวให้ได้ เพราะหากการต่อสัญญาครั้งที่หนึ่ง"พบมูลความผิด" สัญญาอื่นๆที่เกี่ยวข้องจะต้องยกเลิกไปโดยปริยายและอาจกระทบเจ้าของสัมปทานในโครงการอื่นๆแบบโดมิโน
เมื่อสภาพการณ์เป็นแบบนี้ อาจเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้"ชูวิทย์"ต้องขยับในวาระนี้ก็เป็นได้..
อีกทั้งยังให้ชวนคิดกันต่อ คดีดังหลายคดีที่มีการร้องเรียนให้ป.ป.ช.สอบสวน โดยเฉพาะคดีที่เกี่ยวกับ "การลงทุนขนาดใหญ่ รัฐวิสาหกิจ" ตามที่กรรมการปปช.บางคนรับผิดชอบนั้น นับจากวันนั้นถึงวันนี้ คดีเหล่านี้ยังไม่มีความกระจ่างและคล้ายว่าจะทอดเวลาจนสังคมลืมเลือนนัยว่า ปล่อยให้เฉียดฉิว"หมดอายุความ"
บวกกับการยอมรับของปปช.บางคน เช่น "สุภา ปิยะจิตติ" ว่าโดนฟ้องร้องหลายคดีในการปฏิบัติหน้าที่นั้น น่าคิดว่าทำไมคู่กรณีไม่ฟ้องป.ป.ช.ทั้งเก้าคน และทำไมเจาะจงเลือกฟ้องป.ป.ช.เจ้าของสำนวนเพียงลำพัง
จังหวะประเหมาะเพลานี้ ป.ป.ช.กำลังสรรหากรรมการป.ป.ช.ใหม่ทดแทนตำแหน่งที่ว่างลง โดยมีการเสนอชื่อบุคคลหลายวงการเพื่อให้ส.ว.ลงมติ แว่วว่า"บิ๊กสีกากี"บางรายแตะมือกับใครบางคนย่านสนามบินน้ำผลักดันบุคคลในสังกัดให้ผ่านการคัดเลือกเพื่อมาสานต่อภารกิจย่านสนามบินน้ำในวันข้างหน้า
ประมวลจากเหตุการณ์ทั้งหลายทั้งปวงข้างต้น อาจไม่เกี่ยวกันในสายตาสังคม (คดีรถไฟฟ้าสายสีส้มและรถไฟฟ้าสายสีเขียวรวมทั้งการสรรหาปปช.บางตำแหน่ง ) แต่ทว่า คนวงในย่านสนามบินน้ำที่จับจังหวะได้ย้ำว่า "วาระเหล่านี้ยึดโยงกันแบบที่สังคมวงกว้างจับทางไม่ได้" และจะมีผลในวันข้างหน้า...แน่นอน
มีสัญญาณ บุคคลแถวย่านสนามบินน้ำ อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ส่งผ่านไปให้ "ชูวิทย์" นำไปขยายผลในทำนอง "ขนมจีนผสมน้ำยา"เพื่อขยายประเด็นและเลี้ยงกระแสให้กระทบหลายฝ่ายเพื่อกลบกระแสบางอย่างและสร้างประเด็นใหม่ๆขึ้นมาเบนความสนใจ
เกมนี้ลึกยิ่ง ชวนติดตามว่าใครจริงใครลวง เพื่อประโยชน์ประการใด สังคมควรใคร่ครวญ