ถึงเวลา "นายกฯลุงตู่" เร่งเช็กบิล แก๊งตุ๋นสังคม โดย เมฆาในวายุ

ปรากฏการณ์อ้างชื่อ "ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง" ไปหากินในทางมิชอบนั้นปรากฏขึ้นเนืองๆและมีประชาชนที่ไม่ตรวจสอบข้อเท็จจริงหลงเชื่อและเสียทรัพย์สินไปฟรีๆเพื่อหวังได้รับในสิ่งที่ขบวนการตุ๋นหลอกลวงไว้ สุดท้ายเหยื่อของขบวนการเหล่านี้ต้องโดนหน่วยราชการ ดำเนินคดีไปด้วยเพราะ "ใช้ตราราชการ-เครื่องแบบราชการ-เอกสารราชการ" โดยไม่ได้รับอนุญาต และทำไมขบวนการตุ๋นยังอยู่ได้ทุกยุคสมัย

และผู้ใหญ่ในหน่วยราชการรับรู้การแอบอ้างดังกล่าวหรือไม่...และหากรับรู้แล้วมีการดำเนินการเช่นใดบ้าง ติดตามได้กับ เมฆา ในวายุ
 

ขบวนการตุ๋นสังคมโดยอาศัยเครื่องแบบราชการ ตราสัญลักษณ์ราชการ  เอกสารราชการซึ่ง "ปลอมแปลง" ขึ้นมาเป็นการเฉพาะนั้น ยังเกิดขึ้นเนืองๆ

ล่าสุดกอ.รมน.ดำเนินการเอาผิดกับเจ้าของอาคารแห่งหนึ่งย่านหนองแขม กทม.ที่แอบอ้างติดตั้งตราสัญลักษณ์กอ.รมน.โดยไม่ได้รับอนุญาตแล้ว  

โดยเจ้าของอาคารดังกล่าวนั้นคือ "นายพันธ์ยศ อัครอมรพงศ์" อดีตเลขาธิการพรรคภราดรภาพ  แม้นายพันธ์ยศได้แจ้งความต่อสน.หนองแขม และยื่นหนังสือต่อกอ.รมน.เเละสำนักนายกรัฐมนตรี รวมทั้งมอบหลักฐานที่ขบวนการหลอกลวงประชาชน โดยอ้างว่า  "โดนหลอกลวง สำคัญผิด  ดำเนินการไม่รอบคอบ เพราะถูกข้อมูลเท็จจาก" ผู้ที่อ้างว่าดำรงตำเเหน่งทางการเมืองชุดหนึ่ง" ชักชวนว่า สามารถผลักดันให้คนที่หลงเชื่อได้รับการเเต่งตั้งเป็นผู้ดำรงตำเเหน่งทางการเมืองในคณะทำงานต่างๆของสำนักนายกรัฐมนตรีได้ แต่ต้องมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ"

กรณีนายพันธ์ยศนั้น พบว่านายพันธ์ยศติดป้ายตราสัญลักษณ์กอ.รมน.เเละตราสัญลักษณ์สำนักนายกรัฐมนตรี  ใจความในป้ายระบุว่า "ศูนย์อำนวยการยุทธศาสตร์ภาคกลางร่วมกับกอ.รมน."   ซึ่งป้ายดังกล่าวนายพันธ์ยศดำเนินการโดยไม่ได้รับอนุญาตจากกอ.รมน.และทำเนียบรัฐบาล  

แม้นายพันธ์ยศให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนว่าทราบล่าสุดว่า ขบวนการตุ๋นประชาชนนี้ดำเนินการในหลายสิบจังหวัด ประชาชนที่หลงเชื่อขบวนการนี้โดนตุ๋นเสียเงินไปแต่ละรายเสียเงินไม่ต่ำกว่าหลักแสนบาท และบางรายถึงกับสูญเงินนับล้านบาท

นายพันธ์ยศ อ้างว่าดำเนินการไปด้วยความสำคัญผิดเพราะหลงเชื่อคำชักชวนของ 1.นายธนณัฏฐ์ ปิยะสิริพร  หรือเสี่ยท็อป  โดยอ้างตัวเป็นประธานยุทธศาสตร์ภาคกลาง คณะทำงานกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ทั้งนี้เสี่ยท็อปเคยมีพฤติกรรมหลอกลวง โกงเงิน และแอบอ้างว่ารู้จักกับนักการเมืองชื่อดังเมื่อหลายปีก่อน  2.นายไชยเชษฐ์ ฉัตรวรรณกลาง ที่อ้างตัวเป็นรองประธานคณะทำงานภาคกลางกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีและอ้างว่าเป็นหลานชายรองนายกรัฐมนตรีคนหนึ่ง  3.ทั้งสองคนอ้างว่าเป็นคณะทำงานของนายอภิชาด คำดี ประธานขับเคลื่อนยุทธศาสตร์คณะทำงานกรรมการกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี(พลตรีนพรัตน์ แป้นแก้ว  แต่พลตรีนพรัตน์พ้นตำเเหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีไปตั้งเเต่วันที่3ก.ย. ปีที่แล้ว)“

หากเช็กชื่อสมาชิกขบวการตุ๋นสังคมนั้น ไม่ยากเลยที่จะตรวจสอบ เพราะ เสี่ยท็อปนั้น สังคมรับรู้กันทั่วว่า โด่งดังเพราะเคสใดบ้าง ส่วนนายอภิชาดเคยโดนร้องเรียนเเอบอ้างเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมเมื่อหลายปีก่อน

น่าสนใจกว่านั้นคือ...ทำไมคนพวกนี้อ้างชื่อผู้ช่วยรัฐมนตรีได้ และผู้ช่วยรัฐมนตรีทราบประวัติคนพวกนี้หรือไม่ก่อนที่จะดึงมาร่วมงานที่มีผลหลายด้านกับสังคม

น่าสนใจ...เพราะหากไล่เรียงการลงนามของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  ลงนามแต่งตั้งเมื่อปีที่แล้วนั้น พบว่า ช่วงวันที่ 19 มีนาคม 2564 พลเอกประยุทธ์ลงนามแต่งตั้งพลตรีนพรัตน์เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีและวันที่ 3  กันยายน 2564 พลเอกประยุทธ์ลงนามปลดพลตรีนพรัตน์พ้นตำแหน่งดังกล่าว และการทำงานราวหกเดือนนั้นพบว่า ระยะเวลาทำงานของพลตรีนพรัตน์ทำไมสั้นกว่าระยะเวลาที่กฎหมายตั้งไว้  เพราะกฎหมายระบุว่า ผู้ช่วยรัฐมนตรีมีอายุการทำงานครั้งละหนึ่งปีนั้น เคสนี้มาจากเหตุผลใด....?

น่าสนใจ...เพราะหากสอบข้อมูลพลตรีนพรัตน์นั้นพบว่า การเลือกตั้งส.ส.ครั้งล่าสุด พลตรีนพรัตน์ลงสมัครส.ส.ลพบุรี เขตหนึ่ง พรรคพลังธรรมใหม่ กรณีนี้มาจากผลของการร่วมรัฐบาลของพรรคจิ๋วที่มาหนุนพลเอกประยุทธ์หรือไม่ เพราะคนการเมืองรู้กันทั่วว่า ผู้ช่วยรัฐมนตรีบางเก้าอี้นั้น พลเอกประยุทธ์กระจายให้พรรคจิ๋วเหล่านี้เป็นการตอบแทนที่มายืนบนเรือเหล็ก และไม่รู้ว่าเมื่อเกิดการบรรณาการแล้วมีการแอบอ้างในเชิงลบเช่นนี้พรรคต้นสังกัดรับรู้หรือไม่

น่าสนใจ...เพราะขบวนการตุ๋นดังกล่าวนั้นพบว่ามีภาพสมาชิกขบวนการตุ๋นบางคนเคียงข้างพลตรีนพรัตน์ปรากฏในสังคมออนไลน์ และบางครั้งยังอ้างชื่อคณะทำงานผู้ช่วยรัฐมนตรี(ซึ่งพ้นหน้าที่แล้ว)ลงพื้นที่ไปช่วยประชาชน

น่าสนใจ...เพราะไม่รู้ว่าการลงนามคำสั่งตั้งคณะทำงานผู้ช่วยรัฐมนตรีดังกล่าวนั้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ แต่ที่แน่ๆหลังวันที่วันที่ 3 กันยายน 2564นั้น การอ้างตำแหน่งคณะทำงานผู้ช่วยรัฐมนตรีนั้น" ไม่สามารถดำเนินการได้ทุกกรณี  ไม่ว่าจะถูกกฎหมายก็ตาม"

น่าสนใจ...เพราะนายพันธ์ยศอ้างกับตัวแทนกอ.รมน.ที่สน.หนองแขมว่า "ดำเนินการติดตั้งป้ายดังกล่าวช่วงวันที่ 25 ตุลาคม2564"แปลว่าขบวนการตุ๋นสังคมนั้นยังดำเนินการมาเรื่อยๆหลังจากคำสั่งปลดพลตรีนพรัตน์มีผลบังคับใช้

น่าสนใจ....เพราะรายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเเจ้งว่า "ทราบเบื้องต้นว่านายพันธ์ยศมายื่นหนังสือชี้เเจงเเล้ว เเละอยู่ในขั้นตอนการพิจารณา ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ทำเนียบรัฐบาลได้ติดตามขบวนการหลอกประชาชนของผู้ดำรงตำเเหน่งทางการเมืองหลายคณะตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรีมาหลายเดือนเเล้วเช่นกัน เพราะนายกรัฐมนตรีสั่งการให้ตรวจสอบเเละจัดการขั้นเด็ดขาดทางกฎหมายของขบวนการหลอกลวงประชาชนโดยใช้ตำเเหน่งหน้าที่ทางราชการเเละผู้ดำรงตำเเหน่งทางการเมืองโดยมิชอบกับประชาชน เพราะมีข้อมูลถึงนายกรัฐมนตรีในกรณีนี้หลายครั้ง  หากใครมีเบาะเเสให้เเจ้งมาที่ทำเนียบรัฐบาลได้ทันที"

แปลว่า ขบวนการตุ๋นสังคมนี้อยู่ในสายตาพลเอกประยุทธ์ และน่าจะมีหลากแก๊งที่แฝงตัวที่ทำเนียบรัฐบาล ดังนั้นพลเอกประยุทธ์คงเร่งเช็กบิลไม่ให้ขบวนการตุ๋นที่อ้างตราราชการไปหากินกับความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของชาวบ้าน เพราะตอนนี้ชื่อเสียงของครม.ก็ใช่ว่าจะอยู่แดนบวกนัก

หากพลเอกประยุทธ์ไม่เร่งเช็กบิลคนเหล่านี้ รับรองว่า แต้มต่อทางการเมืองหายไปมากโขในไม่กี่วันข้างหน้า