1 สิงหาคม 2565 ประเทศไทยพบผู้ป่วย “ฝีดาษลิง” รายที่สอง สร้างความวิตกกังวลให้ประชาชน ล่าสุด "หมอดื้อ" ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หรือ หมอธีระวัฒน์ หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก “ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha” อัปเดตอาการของ "ฝีดาษลิง" ที่เปลี่ยนแปลงไปในปี 2022 มีเนื้อหาดังนี้..
ประเด็นสำคัญของ ฝีดาษลิง ที่เปลี่ยนใหม่ 2022.
ห้ามตื่นตระหนก ติดต่อเมื่อมีการสัมผัสใกล้ชิดจริงๆอยู่ด้วยกันนาน
เดินผ่านกัน นั่งห่างกัน ไม่ได้ติดง่ายแบบโควิด
ทางการกระทรวงสาธารณสุข กรมควบคุมโรค (คร.) กรมวิทย์ฯ มีเครือข่ายประสาน ห้องปฏิบัติการทั่วประเทศ ทั้งที่โรงพยาบาล โรงเรียนแพทย์ และศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ก็อยู่ในเครือข่าย ร่วมมือกัน
1. ไม่เป็นไปตามตำรา ในเรื่องของลักษณะอาการ ผื่นตุ่มแผลที่ผิวหนัง และอาการนำ (ไม่ไปตาม traditional symptom sequence และ lesion evolution)
2. ทั้งนี้อาการเริ่มต้นเป็นผื่นแผลตุ่ม โดยที่ ทั่วไป ยังรู้สึกสบายดีได้ และขณะนั้น “แพร่เชื้อได้แล้ว”
3. ไม่จำเป็นต้องเริ่มตามลำดับ จากผื่นราบ นูน ตุ่มน้ำ ตุ่มหนอง แผลแตก สะเก็ด แต่กลับมี หลายแบบ ลักษณะ ในขณะเดียวกัน (polymorphic)
4. ผื่นตุ่มแผล เกิดในร่างกายตำแหน่งเดียวได้ ในที่ซ่อนเร้น โดยกระจายหรือไม่กระจายต่อได้
5. อาการเฉพาะที่
6. อาการทางร่างกายคือความรู้สึกไม่สบาย ไข้หรือไม่มีใข้ ปวดเมื่อย ปวดหัวปวดหลัง ต่อมน้ำเหลืองโต ทั้งนี้ อาจไม่
เป็น “อาการนำ” เป็น “อาการตามหลังผื่นตุ่มแผล” และ “ไม่จำเป็นต้องมีครบทุกอย่าง”
7. การแพร่เชื้อเริ่มได้ตั้งแต่มีอาการทางร่างกายหรือมีแต่อาการทางผิวหนัง เยื่อบุเฉพาะที่
ไวรัสตกค้างที่พื้นผิวติดได้ 15 วัน
8. ใครเสี่ยง?
9. ใครเมื่อเป็นแล้วต้องระวังอาการหนัก?
เราสามารถป้องกันได้ และถ้าเป็นผู้สัมผัสไม่ต้องอยู่โรงพยาบาลทุกรายได้ (ขึ้นกับนโยบาย ของประเทศ) โดย ถ้า
สามารถกักตัว 21 วัน มีการรายงานเป็นระยะ
แม้ติด (ในต่างประเทศ) ถ้าอาการไม่หนัก ให้กักตัว แยกตัว ใส่เสื้อแขนยาว ขายาว ถ้ามีสัตว์เลี้ยงที่ต้องดูแล ใส่ถุงมือ
หลีกเลี่ยงการสัมผัส กอดจูบ สัตว๋เลี้ยง ยังไม่ชัด กรณีจากคนไปสู่หมาแมว
ข้อมูลจาก data sources เช่น UK health security agency US CDC วารสาร นิวอิงแลนด์ BMJ San Francisco
public health เป็นต้น
รายละเอียดเหล่านี้เปลี่ยนแปลงได้และต้องติดตามเป็นระยะ