1 สิงหาคม 2565 “ฝีดาษวานร” แพร่กระจายไปทั่วโลก ล่าสุด ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หรือ “หมอยง” หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์เฟซบุ๊ก “Yong Poovorawan” เรื่อง “ฝีดาษวานร ลักษณะอาการของโรค ผู้ป่วยนอกแอฟริกา จะแตกต่าง จากผู้ป่วยในแอฟริกา” มีรายละเอียดดังนี้..
จากการศึกษาในประเทศอังกฤษ จำนวน 197 ราย พบในผู้ชายทั้งหมด ที่เป็นชายรักชาย ลักษณะรอยโรคที่เกิดขึ้น
กว่าครึ่งหนึ่งจะเกิดที่อวัยวะเพศ รอบก้น ทวารหนัก เยื่อบุช่องปาก แม้กระทั่งต่อมทอมซิล ซึ่งตรงข้ามกับโรคที่เกิดใน
แอฟริกา พบที่แขนขา ศีรษะ
ตุ่มฝีดาษลิง ที่เกิดขึ้นจะมีหลายระยะ กล่าวคือสุกหรือ แห้งไม่พร้อมกัน ซึ่งตรงข้ามกับในแอฟริกาที่จะพบตามแขนขา ศีรษะและส่วนใหญ่จะเป็นระยะเดียวกันสุกพร้อมกัน ตามตำรา อาการไข้ เมื่อยเนื้อเมื่อยตัวพบน้อยกว่าในแอฟริกา ที่เกิดนอกแอฟริกาจะมีอาการเจ็บก้นอย่างมากจำนวนหนึ่ง และตุ่มแผลเกิดขึ้นในอวัยวะเพศเป็นจำนวนมากกว่าครึ่งหนึ่ง
รายละเอียดอ่านได้จากลิงก์ คลิกที่นี่
จากข้อมูลแสดงให้เห็นว่ากลไกการเกิดโรคน่าจะแตกต่างกัน โดยทั่วไปในแอฟริกา น่าจะเกิดจากการได้รับเชื้อแล้ว เชื้อเข้าสู่ระบบน้ำเหลือง เข้ากระแสโลหิต แล้วจึงมีอาการแสดงขึ้นเป็นตุ่มที่แขนขา ศีรษะ รอยโรคจึงเกิดขึ้นพร้อมกัน ลักษณะตุ่มหนองที่เกิดขึ้นในผู้ป่วยนอกแอฟริกา จึงมีหลายระยะ เช่นบางตุ่มสุก บางตุ่มพึ่งขึ้นหรือบางตุ่มเริ่มแห้ง ซึ่ง
ไม่เหมือนกับในแอฟริกา
ฝีดาษลิง ที่เกิดนอกแอฟริกา โดยเฉพาะที่กำลังระบาดอยู่ทั่วโลกนี้ การรับเชื้อน่าจะสัมผัสบริเวณอวัยวะเพศ ที่อาจ
จะมีรอยถลอก abrasion และทำให้เกิด รอยโรค เป็นตุ่มขึ้น พร้อมกันนั้นที่สัมผัสโรคเชื้อก็จะเข้าสู่ระบบน้ำเหลือง
และกระแสโลหิต แล้วจึงไปเกิดตุ่มที่อื่นอีกได้ด้วย
การเกิดตุ่มบริเวณสัมผัส ทำให้เกิดรอยโรคขึ้นเช่นเดียวกันกับ การปลูกฝีสมัยก่อน ใช้เชื้อหนองฝีหยอดที่ต้นแขน แล้วสะกิดหรือควร ให้เกิดรอยถลอก ตุ่มแผลจึงเกิดขึ้นบริเวณที่ถลอกสิ่งที่ช่วยยืนยันว่า โรคนี้เกี่ยวข้องกับเพศสัมพันธ์ เพราะผู้ป่วยฝีดาษวานร จะพบโรคทางเพศสัมพันธ์ร่วมด้วยเป็นจำนวนมากเช่น HIV หนองใน ซิฟิลิส chlamydia (หนองในเทียม) และ Herpes
กรณีที่มีอาการไข้ ปวดเมื่อยหรืออาการทางระบบน้อย และมีลักษณะเด่นทางแผลที่อวัยวะเพศ ทำให้ผู้ป่วยไม่อยาก
ไปพบแพทย์ และโรคนี้ก็หายได้เอง จึงทำให้ยากต่อการควบคุม