หน่วยเลือกตั้งเริ่มเปิดให้ประชาชนใช้สิทธิลงประชามติตั้งแต่ 6.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือ 12.00 น. ตามเวลาไทย เพื่อตัดสินใจว่าจะสนับสนุนรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่จะทำให้ตูนิเซียเปลี่ยนแปลงจากระบบกึ่งรัฐสภากึ่งประธานาธิบดี สู่ระบบประธานาธิบดีเต็มตัวหรือไม่
การลงประชามติจัดขึ้นเพียงหนึ่งปีหลังจากประธานาธิบดีคาอิส ไซเอด ปลดรัฐบาลระงับการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐสภา และบริหารประเทศด้วยอำนาจภายใต้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วประเทศเมื่อวันที่ 25 ก.ค. ปีที่แล้ว
ประธานาธิบดีไซเอดถูกวิจารณ์จากฝ่ายต่อต้านว่าการกระทำของเขาเทียบเท่ากับการรัฐประหาร และพยายามรวบอำนาจบริหารไว้คนเดียว โดยเป็นการทำลายประชาธิปไตย ที่เบ่งบานขึ้นหลังการปฏิวัติในปี 2554 แต่ไซอิดอ้างว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มีความจำเป็นเพื่อควบคุมนักการเมืองที่ทุจริต
ผู้ที่คัดค้านรัฐธรรมนูญประกาศบอยคอตต์การลงมติแทนที่จะให้ความชอบธรรมแก่รัฐธรรมนูญ และออกมาเดินขบวนประท้วงเมื่อวันศุกร์และวันเสาร์ที่ผ่านมา แต่เจอตำรวจใช้กำลังปราบปรามเมื่อวันศุกร์
ผลสำรวจ คาดว่า ผลประชามติอาจเห็นชอบกับรัฐธรรมนูญใหม่ แต่จะมีจำนวนผู้ใช้สิทธิลงประชามติน้อยมากเพียง 10-15% ขณะที่ภายใต้ข้อกำหนดการจัดประชามติครั้งนี้ ไม่มีเกณฑ์ขั้นต่ำของจำนวนผู้ใช้สิทธิลงประชามติเพื่อให้มีผลบังคับใช้ และไม่ได้กำหนดว่าจะเกิดอะไรขึ้น หากผู้มีสิทธิออกเสียงส่วนใหญ่คัดค้านรัฐธรรมนูญใหม่
แม้พรรคการเมืองขนาดใหญ่เกือบทุกพรรคและองค์กรภาคประชาสังคมประณามการร่างรัฐธรรมนูญเพียงฝ่ายเดียวของนายไซเอด และบอกว่าการจัดประชามติขาดความชอบธรรม แต่ก็ไม่อาจประสานกำลังเป็นหนึ่งเดียวกันเพื่อกดดันนายไซเอด เห็นได้จากแต่ละฝ่ายจัดการชุมนุมประท้วงของตัวเองคนละวันกัน และประชาชนส่วนใหญ่ให้ความสนใจกับปัญหาปากท้องและเศรษฐกิจ