svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

บิ๊กโจ๊ก สอบปากคำเพื่อนร่วมรุ่น อ้างชื่อเรียกรับเงิน 6 ล. เพื่อช่วยเหลือคดี

19 กรกฎาคม 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"บิ๊กโจ๊ก" รุดสอบปากคำ "ผกก.ภ.จว.แม่ฮ่องสอน" เพื่อนร่วมรุ่น แอบอ้างชื่อช่วยเหลือคดีผู้ต้องหาชาวอังกฤษ เรียกรับเงิน 6 ล้านบาท เจ้าตัวรับสารภาพ ทำมาแล้วหลายครั้ง

วันนี้ (19 ก.ค.) พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. เดินทางเข้าสอบปากคำ พ.ต.อ.ราเมศ แก้วสูงเนิน ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน ภ.จว.แม่ฮ่องสอน ผู้ต้องหาในคดีร่วมกันฉ้อโกง หลังแอบอ้างว่าสนิทกับ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ลวงผู้เสียหาย ซึ่งเป็นเพื่อนกับผู้ต้องกักชาวต่างชาติว่า สามารถช่วยเหลือทางคดี และสามารถประกันตัวผู้ต้องกักได้ โดยมีการเรียกรับเงินจำนวน 6 ล้านบาท

 

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. 65 ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองสามารถจับกุมตัว นาย Ritesh Patel ชาวอังกฤษ ผู้ต้องหาตามหมายจับสากลคดีเกี่ยวข้องกับคดียาเสพติด ที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย โดยใช้พาสปอร์ตปลอมในชื่อ นาย Bret Blake Webber สัญชาติอังกฤษ  ทางการของประเทศอังกฤษมีความประสงค์ให้ส่งตัวกลับประเทศเพื่อดำเนินคดี ทาง สตม.จึงต้องทำการกักตัวไว้ ที่ กก.3 บก.สส.สตม. 

 

 

บิ๊กโจ๊ก สอบปากคำเพื่อนร่วมรุ่น อ้างชื่อเรียกรับเงิน 6 ล. เพื่อช่วยเหลือคดี
 

ต่อมาได้มี น.ส.ธิรวรรณ์ เขียวงาม ผู้เสียหายได้ขอเข้าประกันตัวผู้ต้องกัก แต่ไม่สามารถขอประกันตัวได้ ผู้เสียหายจึงขอความช่วยเหลือไปยังนายธนัญวัธน์ ธนันธัญภัทรน์ ซึ่งรู้จักกับนายวิทยา สมศรีษมสกุล และนายวิทยาอ้างว่า รู้จักกับ พ.ต.อ.ราเมศ นักเรียนนายร้อยรุ่น 47 ซึ่งเป็นรุ่นเดียวกับ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ และมั่นใจว่า จะสามารถช่วยเหลือทำเรื่องประกันตัว นาย Ritesh Patel ได้ ทำให้ผู้เสียหายและนายธนัญวัธน์หลงเชื่อ โดยนายวิทยาแจ้งว่า ต้องมีค่าดำเนินการและชำระเงินในกับนายวิทยาจำนวน 6 ล้านบาท

 

ต่อมาวันที่ 29 มิ.ย. 65 นายธนัญวัธน์ และนายวิทยา ได้เข้าติดต่อร้อยเวรรักษาการณ์ประจำสถานกักกันคนต่างด้าวเพื่อเข้าพบ นาย Ritesh Patel แต่ร้อยเวรแจ้งว่า ไม่สามารถเข้าพบได้เนื่องจากผิดระเบียบของการเข้าเยี่ยม แต่นายวิทยาได้พยายามให้ร้อยเวรคนดังกล่าวพูดคุยกับบุคคลที่อ้างว่า เป็น พ.ต.อ.ราเมศ ซึ่งเป็นชุดทำงานของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ พร้อมทั้งอ้างว่า ผู้ต้องกักทำงานและเป็นสายให้กับตนเอง และพยายามจะเข้าพบผู้ต้องกักให้ได้ ขณะที่ทางด้านร้อยเวรยืนยันว่า ไม่สามารถให้เข้าพบได้เนื่องจากขัดระเบียบปฏิบัติ และให้ติดต่อกับผู้บังคับบัญชาโดยตรง

 

หลังจากนั้นนายวิทยา ได้แจ้งให้ น.ส.ธิรวรรณ์ และนายธนัญวัธน์  โอนเงินให้ครบจำนวน 6 ล้านบาท เมื่อผู้เสียหายโอนเงินให้ครบตามจำนวน และพยายามติดต่อเรื่องขอประกันตัว กลับพบว่า นายวิทยาพยายามบ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด จนพักหลังไม่สามารถติดต่อได้แล้ว จึงเข้าร้องทุกข์
 

 

บิ๊กโจ๊ก สอบปากคำเพื่อนร่วมรุ่น อ้างชื่อเรียกรับเงิน 6 ล. เพื่อช่วยเหลือคดี

จากแนวทางการสืบสวนพบว่า นายวิทยามีการติดต่อกับ พ.ต.อ.ราเมศ ในห้วงเวลาเกิดเหตุจริง มีพยานบุคคลที่สามารถยืนยันได้ว่า ทั้งคู่มีการแอบอ้าง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ จริง ส่วนเส้นทางการเงินจำนวน 6 ล้านบาท ได้แบ่งกระจายไปตามบัญชีต่าง ๆ โดยได้มีการโอนเงินให้นายวิทยา 3 แสนบาท ส่วนที่เหลือได้โอนกระจายไปยังคนในครอบครัวของ พ.ต.อ.ราเมศ ประกอบไปด้วย แม่ ลูก และภรรยา ก่อนที่จะโอนกลับเข้ามายังบัญชีของ พ.ต.อ.ราเมศ รวมจำนวนกว่า 5 ล้านบาท 

 

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า เบื้องตนได้เข้าไปพูดคุยกับเพื่อร่วมรุ่น เจ้าตัวให้การรับสารภาพ จากการสืบสวนพบว่าครั้งนี้ไม่ใช้ครั้งแรก ผู้ต้องหาเคยมีพฤติการณ์ในลักษณะนี้หลายครั้ง ถึงแม้ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกัน แต่ถ้าเพื่อนทำผิดก็ต้องดำเนินคดี เพื่อนดีก็ต้องส่งเสริม เพื่อนไม่ดีก็ไม่ละเว้น ซึ่ง 3 เดือนที่ผ่านมา ตนจับกุมผู้ต้องหาที่แอบอ้างชื่อตนเพื่อกระทำความผิดรายนี้ถือเป็นรายที่ 5 

 

“ไม่ได้รู้สึกกังวลใจ แต่เกรงว่าประชาชนจะหลงเชื่อ จึงฝากบอกประชาชนว่า ถ้าต้องการสอบถามข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผม สามารถโทรมาได้ที่ สว.นนท์ ตำรวจติดตามที่เบอร์ 064-954-9197 ยืนยันว่า ผมไม่มีพฤติกรรมในการเรียกรับผลประโยชน์ และฝากไปถึงกลุ่มบุคคลที่อ้างชื่อผมในการกระทำความผิดว่าผมจะดำเนินการจับกุมให้หมด”

 

ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติยืนยันว่า คดีนี้พนักงานสอบสวนได้ทำการรวบรวมพยานหลักฐาน และออกหมายเรียกผู้ต้องหา ทั้งผู้หลอกลวง และเจ้าของบัญชีที่รับโอนเงิน รวม 5 คน ประกอบด้วย พ.ต.อ.ราเมศ, นายวิทยา , นายอภิรักษ์ เที่ยงธรรม , นางสาวณัฐนรี บุญมา และ นางสาวทิพย์สุดา อินสองใจ โดยมี พ.ต.อ.ราเมศ ติดต่อขอเข้ามอบตัวเพียง 1 คน ส่วนที่เหลืออีก 4 คนอยู่ระหว่างติดตามตัวมาสอบสวนดำเนินคดี 

 

 

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร.
 

logoline