ประธานาธิบดีวิโดโด ที่รู้จักในชื่อโจโกวี พร้อมด้วยภริยาเดินทางด้วยรถไฟจากโปแลนด์ถึงกรุงเคียฟของยูเครนเมื่อวันพุธ และเดินทางต่อไปยังเมืองเออร์ปินใกล้กรุงเคียฟ เพื่อสำรวจความเสียหายของย่านพักอาศัยของพลเรือนหลังการโจมตีของรัสเซีย
หลังจากนั้นเขาพบหารือกับประธานาธิบดีเซเลนสกีที่กรุงเคียฟ ด้วยความหวังว่าจะสามารถรื้อฟื้นการเจรจาสันติภาพระหว่างยูเครนและรัสเซีย และบอกว่าแม้เป็นเรื่องยากมากที่จะบรรลุเป้าหมาย แต่เขาย้ำถึงความสำคัญของแนวทางสันติวิธี และพร้อมจะนำสารจากประธานาธิบดีเซเลนสกีไปแจ้งต่อประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เมื่อเขาเดินทางไปเยือนรัสเซียในวันพฤหัสบดี
เขาหวังโน้มน้าวให้ผู้นำรัสเซียยอมตกลงหยุดยิงกับยูเครน และเปิดท่าเรือของยูเครนเพื่อให้ผลผลิตธัญพืชสามารถส่งออกป้อนตลาดโลกได้อีกครั้ง
โจโกวีเป็นประธานกลุ่มจี20 ในปีนี้ และเป็นผู้นำโลก 1 ใน 6 คน ที่ได้รับแต่งตั้งจากสหประชาชาติให้เป็นตัวแทนของกลุ่มตอบสนองวิกฤตโลก หรือ GCRG ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาความหิวโหยและความยากจนสืบเนื่องจากสงครามในยูเครน และก่อนรัสเซียบุกยูเครนเมื่อปลายเดือน ก.พ. ยูเครนเป็นหนึ่งในผู้ส่งออกข้าวสาลีให้อินโดนีเซียรายใหญ่ที่สุด
ก่อนหน้านี้โจโกวีกล่าวก่อนออกเดินทางเพื่อไปร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำจี7 ในฐานะแขกรับเชิญที่เยอรมนี โดยย้ำความจำเป็นในการยุติสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน และแก้ไขวิกฤตอาหารและพลังงานทั่วโลก
ชาวอินโดนีเซียส่วนใหญ่สนับสนุนความคิดของประธานาธิบดีโจโกวี ที่จะเข้าพบผู้นำยูเครนและรัสเซีย และหลายคนคาดหวังว่าเขาจะแสดงบทบาทในฐานะผู้ไกลเกลี่ย แต่ผู้เชี่ยวชาญมองว่าความคาดหวังว่า โจโกวีจะผลักดันสันติภาพได้สำเร็จ อาจเกินความเป็นจริงเพราะความซับซ้อนของสงคราม