ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน กล่าวต่อที่ประชุมรัฐสภาของลักเซมเบิร์กเมื่อวันพฤหัสบดี ( 2 มิ.ย.) โดยบอกว่า จนถึงขณะนี้พื้นที่เกือบ 20% หรือเกือบ 125,000 ตร.กม. ของทั้งประเทศอยู่ภายใต้การควบคุมของกองทัพรัสเซีย ซึ่งมีขนาดใหญกว่าประเทศเบลเยียม เนเธอร์แลนด์ และลักเซมเบิร์กรวมกันเสียอีก พื้นที่ดังกล่าวรวมถึงไครเมีย และบางส่วนของภาคตะวันออก ที่รัสเซียผนวกดินแดนไปเมื่อปี 2557 ด้วย คิดเป็นเกือบ 7% ของดินแดนยูเครน
นอกจากนี้เขา บอกว่า พื้นที่อีกเกือบ 300,000 ตร.กม. ถูกวางกับระเบิด หรือ มีระเบิดที่ไม่ทำงานตกค้าง ประชาชนเกือบ 12 ล้านคนต้องพลัดถิ่นฐาน ซึ่งกว่า 5 ล้านคนที่ส่วนใหญ่เป็นเด็กและสตรีอพยพไปต่างประเทศ
เขาบอกด้วยว่า แนวสู้รบมีระยะทางยาวกว่า 1,000 กม. และทหารยูเครนกำลังปกป้องประเทศจากทหารเกือบทั้งกองทัพของรัสเซีย แต่ก็อ้างด้วยว่า กองทัพรัสเซียสูญเสียทหารเกินกว่า 30,000 นาย มากกว่าทหารเสียชีวิตและบาดเจ็บรวมกันในสมัยโซเวียตทำสงครามในอัฟกานิสถาน และสงครามเชชเนียอีก 2 ครั้ง
แต่ที่ผ่านมารัสเซียยืนยันมีทหารเสียชีวิตกว่า 1,300 นายในปฏิบัติการพิเศษทางทหารในยูเครน ที่เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 24 ก.พ.
ขณะที่ทำเนียบเครมลินของรัสเซีย แถลงเมื่อวันพฤหัสบดีเกี่ยวกับกระแสข่าวว่า สหรัฐฯ มีแผนขายโดรน MQ-1C Gray Eagle จำนวน 4 ตัว ที่สามารถติดขีปนาวุธ Hellfire สำหรับใช้ในสนามรบให้ยูเครน โดยบอกว่า แผนการขายอาวุธดังกล่าวไม่อาจเปลี่ยนทิศทางของปฏิบัติการพิเศษทางทหารของรัสเซียได้ และเป้าหมายของปฏิบัติการจะบรรลุผลด้วย แต่จะสร้างความสูญเสียยิ่งขึ้นให้กับยูเครน
ก่อนหน้านี้หนึ่งวันทำเนียบเครมลินก็เพิ่งเตือนเรื่องที่สหรัฐฯ ประกาศจะส่งระบบจรวดพิสัยกลางที่ยิงได้ไกลกว่าเดิมและแม่นยำมากขึ้นให้กับยูเครน โดยบอกว่า สหรัฐฯ จงใจราดน้ำมันเข้ากองไฟ และมีเจตนาทำให้สงครามยืดเยื้อ