17 พฤษภาคม 2565 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล เปิดเผยว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ประกาศชวนคนเสื้อแดงกลับบ้าน มองว่าเป็นสิทธิของพรรคการเมืองที่จะสื่อสารกับประชาชน ส่วนในเรื่องของความยุติธรรมที่เกี่ยวกับการเมือง พรรคก้าวไกลจะยืนหยัดทำงานเหมือนเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเดือนเม.ย. และเดือนพ.ค. ที่ผ่านมา ยังมีอีกหลายกรณีที่ยังไม่ได้รับความเป็นธรรม
"เราต้องการทำให้ระบบนิติรัฐนิติธรรมเกิดขึ้นจริงในประเทศไทย ถ้าหากยังสะสางเรื่องราวในอดีตไม่ได้ ประเทศก็จะเดินไปข้างหน้าไม่ได้ และการปรองดองก็คงทำไม่ได้เช่นเดียวกัน" นายพิธา กล่าว
นายพิธา กล่าวต่อว่า ส่วนในวันที่ 22 พ.ค. 2565 จะครบรอบ 8 ปีของการทำรัฐประหาร โดยมองว่า พ.ค. เป็นเดือนที่มีความสำคัญกับประวัติศาสตร์การเมือง และหวังว่าเดือนพ.ค.นี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงไปจากอดีต สร้างบรรทัดฐานใหม่ให้การเมืองไทย ยืนยันพรรคก้าวไกลมุ่งทำการเมืองอย่างสร้างสรรค์ และจะหาทางออกให้ประเทศให้ได้
สำหรับผลวิจัยของมหาวิทยาลัยรังสิต พบประชาชนทุกเพศทุกวัย กว่า 93% ใน กทม. ไม่เห็นด้วยกับการทำรัฐประหาร ซึ่งส่วนตัวมองว่าโพลน่าจะคลาดเคลื่อน ตัวเลขน่าจะ 100% เลยมากกว่า คงไม่มีใครเห็นด้วย เพราะเชื่อว่าประชาชนทุกคนคงเห็นต้นทุนของรัฐประหารแล้วว่ามันแพงมากแค่ไหน เรื่องของเศรษฐกิจ ที่ดิน หรือสิ่งแวดล้อมต่างๆ ที่มีปัญหา
อย่างไรก็ตาม มันเป็นผลลัพธ์ที่มาจากคำสั่ง คสช. ที่เคยพูดจะทำตามสัญญาของเวลาอีกไม่นาน ซึ่งเข้าใจว่าต้องใช้เวลาในการแก้ไข และใครจะเข้ามาเป็นรัฐบาลต่อไป นอกจากจะต้องคิดถึงเรื่องอนาคตประเทศแล้ว ยังต้องมาคิดว่าจะแก้ไขสิ่งที่รัฐบาลนี้ทำกับประเทศไว้อีก
"ควรให้ประชาธิปไตยเดินไปยาวๆ ผิดถูกให้ระบบจัดการด้วยตัวของมันเอง อย่าใช้แนวคิดคุณพ่อรู้ดี มาตัดสินใจทำรัฐประหารเสียเอง ถ้าเอาจำนวนที่เป็นประชาธิปไตยหารด้วยจำนวนรัฐประหารในประเทศไทย จะพบตัวเลข 4-5 ปี ก็เกิดซ้ำอีก" นายพิธา กล่าว