ทำเนียบขาว เปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดีว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน หารือกับผู้บริหารจากบริษัทผู้ผลิตนมผงสำหรับเด็กแรกเกิดและเด็กเล็ก และห้างค้าปลีกรายใหญ่ เช่น ทาร์เก็ต วอลมาร์ต และเกอร์เบอร์ เพื่อเรียกร้องให้เพิ่มปริมาณสินค้าในตลาด และทำทุกวิถีทางให้แต่ละครอบครัวสามารถซื้อหานมผงได้
นอกจากนี้โฆษกทำเนียบขาว บอกอีกว่า รัฐบาลยังเตรียมพิจารณาใช้มาตรการอื่น ๆ เช่น ใช้กฎหมายการผลิตในยามสงครามเพื่อบังคับให้ผู้ประกอบการเพิ่มการผลิตให้เพียงพอ เพิ่มการนำเข้าจากต่างประเทศ และสำนักงานอาหารและยาเตรียมประกาศระเบียบใหม่เกี่ยวกับการนำเข้านมผงทารกบางชนิดจากต่างประเทศในอีกไม่กี่วันข้างหน้า และประธานาธิบดีให้คณะกรรมาธิการการค้าสหรัฐฯ ตรวจสอบว่า มีการปรับขึ้นราคาเกินควรหรือไม่
สหรัฐฯ ประสบปัญหาขาดแคลนนมผงมานานหลายเดือนแล้ว เนื่องจากปัญห่าวงโซ่อุปทาน และการขาดแคลนแรงงาน สถานการณ์เลวร้ายลงอีกในเดือน ก.พ. เมื่อมีการเรียกเก็บนมผงของบริษัท แอบบอตต์ นิวทริชัน ผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของสหรัฐฯออกจากตลาดทั่วประเทศ และการปิดหนึ่งในโรงงานของบริษัทเนื่องจากมีความวิตกเรื่องการปนเปื้อน
ปกติสหรัฐฯ ผลิตนมผงสำหรับทารากได้มากถึง 98% ของปริมาณการบริโภคในประเทศ ขณะที่ปัจจุบันมีอัตราสินค้าขาดแคลนอยู่ที่ 40% และอาจต้องนำเข้าเพิ่มจากหลายประเทศ เช่น เม็กซิโก ชิลี ไอร์แลนด์ และเนเธอร์แลนด์