svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ต่างประเทศ

อินโดฯ ระงับส่งออกน้ำมันปาล์ม อินเดียเดือดร้อนหนัก

02 พฤษภาคม 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

การประกาศระงับการส่งออกน้ำมันปาล์มของอินโดนีเซีย ส่งผลกระทบหนักต่ออินเดียที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้บริโภครายใหญ่ ผู้เชี่ยวชาญชี้อินเดียทำตัวเองเพราะคล้อยตามการล็อบบี้ทำให้ลดการพึ่งพาตนเอง และใช้งบประมาณมหาศาลในการนำเข้าน้ำมันจนนำไปสู่วิกฤตในตอนนี้

อินเดียใช้น้ำมันพืชเป็นส่วนผสมในอาหารมากเสียจนได้ชื่อว่า เป็นผู้บริโภครายใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของโลก ทั้งยังเป็นผู้นำเข้าน้ำมันพืชรายใหญ่ที่สุด โดย 56% ของน้ำมันที่นำเข้าได้มาจากกว่า 7  ประเทศ ส่วนใหญ่คือน้ำมันปาล์ม น้ำมันถั่วเหลือง และน้ำมันดอกทานตะวัน โดยเฉพาะน้ำมันปาล์มนำเข้าจากอินโดนีเซียกับมาเลเซียถึง 90% ส่วนน้ำมันดอกทานตะวันนำเข้าจากรัสเซียกับยูเครน ที่ครองสัดส่วนการส่งออก 80% ของโลก แต่สงครามทำให้การส่งออกน้ำมันดอกทานตะวันในปีงบประมาณหน้าถูกหั่นออก 25% และหลังจากอินโดนีเซียระงับการส่งออก น้ำมันปาล์มคงคลังของมาเลเซียที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ก็ตึงตัวเช่นกัน 
 

สำหรับไทยเมื่อปี 2563 ไทยเป็นแหล่งนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบของอินเดียเป็นอันดับที่ 4 ตามหลังอินโดนีเซีย มาเลเซีย และสิงค์โปร์ โดยมีมูลค่า 111.81 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 24.73% และแม้ไทยจะไม่ใช่แหล่งนำเข้าหลักของอินเดีย แต่การนำเข้าจากไทยเมื่อปี 2563 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้านี้ถึง 142.79% และสำหรับในปี 2564 พบว่าช่วง 5 เดือนแรก อินเดียนำเข้าน้ำมันปาล์มจากไทยเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว
 

อินเดียจะเป็นคลังอาหารโลกได้หรือไม่ในช่วงสงครามยูเครน

 

ปีนี้อินเดียจะต้องใช้งบประมาณสูงถึง 20,000 ล้านดอลลาร์ (756,000 ล้านดอลลาร์) ในการนำเข้าน้ำมันพืชมากเป็น 2 เท่า ของเมื่อ 2 ปีที่แล้ว โดย บีวี เมธา ผู้อำนวยการบริหารของสมาคมโรงงานกลั่นน้ำมันพืชแห่งอินเดีย (Solvent Extractors Association of India) ให้ความเห็นว่า

 

"ไม่มีประเทศไหนที่พึ่งพาการนำเข้ามากขนาดนี้ เหมือนเลือดกำลังไหลไม่หยุด เป็นวิกฤตที่ใหญ่หลวงมาก เราจำเป็นต้องเรียนรู้จากสงครามเพื่อลดการพึ่งพาการนำเข้า"  

 

 

อินโดฯ ระงับส่งออกน้ำมันปาล์ม อินเดียเดือดร้อนหนัก  

ก่อนหน้านี้อินเดียได้ลดอัตราภาษีขาเข้าน้ำมันพืชและน้ำมันปาล์มเพื่อพยุงราคาภายในประเทศ เนื่องจากน้ำปาล์มได้ชื่อว่ามีราคาถูกที่สุดและใช้กันอย่างแพร่หลายทั้งในครัวเรือน โรงแรม ร้านอาหารและเบเกอรี แต่นับตั้งแต่ปี 2563 ราคาน้ำมันปาล์มโลกก็พุ่งไม่หยุด ยิ่งเกิดสงครามในยูเครนและทำให้ซัพพลายหยุดชะงัก ราคาน้ำมันปาล์มโลกก็ดีดตัวสูงขึ้นมากกว่า 300% ในรอบ 2 ปี 

 

สถานการณ์ในอินเดียตอนนนี้ ราคาน้ำมันเพื่อการปรุงอาหารได้พุ่งขึ้นมากกว่า 20% ในเวลาไม่ถึง 1 เดือน ผู้คนเริ่มกักตุนเสบียงอาหาร อาหารข้างทางราคาถูกในตำนานก็ล้วนแล้วแต่ทอดในน้ำมัน ซึ่งนอกจากข้าว ข้าวสาลีและเกลือแล้ว น้ำมันเป็นวัตถุดิบหลักที่สำคัญที่สุดในอาหารของชาวอินเดียที่ฐานะยากจน การที่ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นย่อมส่งผลกระทบต่อพวกเขาอย่างแน่นอน 

 

ภาวะเงินเฟ้อด้านอาหารก็ถูกกระตุ้นขึ้นมาอย่างง่ายดายเช่นกัน ล่าสุดแตะระดับสูงสุดในรอบ 16 เดือน โดยอยู่ที่ 7.68% ในเดือนมีนาคม โดย ตี้ หยาง นักเศรษฐศาสตร์ด้านอาหารขององค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (UNFAO) เตือนว่า

 

"ถ้าราคาอาหารยังคงลอยตัวในระดับสูงเช่นนี้ อินเดียอาจจำเป็นต้อง 'ปันส่วนเสบียง' เพราะแทบไม่มีทางเลือกที่จะใช้ชดเชยการขาดแคลนการนำเข้าในระยะสั้น" 

 

 

อินโดฯ ระงับส่งออกน้ำมันปาล์ม อินเดียเดือดร้อนหนัก  

ซูเปอร์มาร์เก็ตจำกัดการขายน้ำมันพืช

 

ตามซูเปอร์มาร์เก็ตต่าง ๆ ได้เริ่มจำกัดการขายน้ำมันพืชกันแล้ว และเพื่อชดเชยการขาดแคลนน้ำมัน อินเดียได้หันไปตั้งความหวังไว้กับพืชอย่างมัสตาร์ดและถั่วเหลือง ที่ถือเป็นส่วนหนึ่งของการพึ่งพาตนเอง 


แนวคิดปลูกปาล์มน้ำมันเอง

 

แม้จะได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่บริโภคน้ำมันปาล์มอันดับต้น ๆ ของโลก แต่กลับผลิตเองได้เพียง 2.7% ส่วนแนวคิดปลูกปาล์มน้ำมันเองนั้น พบว่าปาล์มน้ำมันเป็นพืชที่ชอบสภาพภูมิอากาศที่มีฝนตกชุก สม่ำเสมอตลอดปี มีความชื้นสูง การจะปลูกก็ต้องตัดไม้เป็นพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล ที่อาจเป็นบนเนินเขาทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ แต่นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมได้ยกตัวอย่างของอินโดนีเซียกับมาเลเซียว่า การก้าวสู่ความสำเร็จในการเป็นผู้ผลิตปาล์มน้ำมันรายใหญ่ของโลก ต้องแลกด้วยความสูญเสียป่าฝนเขตร้อน 


ผลกระทบจากการ "ทำตัวเอง"

 

ปริทธา เซน นักประวัติศาสตร์ด้านอาหาร บอกว่าอันที่จริงชาวอินเดียปรุงด้วยน้ำมันที่มีกลิ่นหอมและรสจัด เช่น มัสตาร์ด ถั่วลิสง มะพร้าว และงา ขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาอาศัยอยู่ส่วนใดของประเทศ การเปลี่ยนไปใช้น้ำมันพืชและเมล็ดพืชจากต่างประเทศ เช่น ปาล์มกับดอกทานตะวัน อาจเกี่ยวข้องกับการขยายตัวของเมือง และความเป็นสากล และวิกฤตการณ์น้ำมันปรุงอาหารของเราบางส่วน เกิดจาก "เราทำตัวเอง" หลังจากถูกล็อบบี้ให้นำเข้าน้ำมันจากต่างชาติ 

 

การใช้น้ำมันพืชที่ไม่มีสีและไม่มีกลิ่น เช่น ปาล์มและดอกทานตะวัน น่าจะเป็นเพราะมีแรงงานอพยพ หรือชาวต่างชาติย้ายถิ่นฐานเข้าไป และกลายเป็นว่าอาหารอินเดียที่ได้รับความนิยม จะมีส่วนผสมของน้ำมันอะโวคาโด น้ำมันมะพร้าว น้ำมันเนย น้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันรำข้าว น้ำมันมะกอก น้ำมันถั่วลิสง และน้ำมันเมล็ดงา ที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ 

logoline