เส้นตายที่รัสเซียกำหนดให้ทหารยูเครนในเมืองมาริอูโปลวางอาวุธเพื่อแลกกับการไว้ชีวิตสิ้นสุดลงแล้วเมื่อเวลา 14.00 น. ของวันที่ 19 เม.ย.ตามเวลาท้องถิ่นหรือ 17.00 น. ตามเวลาไทย โดยยังไม่มีทหารยูเครนยอมจำนน และมีรายงานว่า ยังมีทหารยูเครน และพลเรือนอีกราว 1,000 คนยังคงซ่อนตัวอยู่ในโรงงานถลุงเหล็กอาซอฟสตาล แต่ผู้บัญชาการทหารยูเครนของหน่วยที่ปักหลักในโรงงานดังกล่าว ยอมรับว่า ทหารอาจต้านทานได้อีกเพียงไม่กี่วัน หรือ ไม่กี่ชั่วโมง และรองนายกเทศมนตรี บอกว่า เสบียงที่จำเป็นในโรงงานใกล้หมดแล้ว
วาดิม บอยเชนโก นายกเทศมนตรีเมืองมาริอูโปล ประกาศก่อนหน้านี้ว่า เส้นทางปลอดภัยสำหรับการอพยพระหว่างเมืองมาริอูโปลและเมืองซาปอริซเซียจะเปิดในเวลา14.00 น.ตามข้อตกลงเบื้องต้นกับรัสเซีย และหวังว่าจะอพยพชาวบ้านออกมาได้ 6,000 คน ขณะที่ยังเหลือประชาชนอีกราว 1 แสนคนในเมือง
โรงงานถลุงเหล็กอาซอฟสตาลมีเนื้อที่กว้าง 10 ตารางกิโลเมตร และมีอุโมงค์และโรงงานขนาดใหญ่ ที่สร้างความได้เปรียบแก่ทหารยูเครนที่ปักหลักอยู่ภายใน
รัสเซียยิงปืนใหญ่และโจมตีทางอากาศถล่มโรงงานแห่งนี้อย่างหนักหน่วง และในสัปดาห์นี้ยื่นเส้นตายสองครั้งให้ทหารยูเครนยอมจำนน ขณะที่ที่ปรึกษาของประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน อ้างว่า ทหารรัสเซียพุ่งเป้าโจมตีด้วยระเบิดยักษ์ทำลายบังเกอร์
ขณะที่สหรัฐฯ และชาติพันธมิตร ประกาศเมื่อวันอังคาร จะจัดส่งยุทโธปกรณ์ทั้ง ปืนใหญ่ ระบบต่อต้านรถถัง และระบบป้องกันภัยทางอากาศเพิ่มให้ยูเครน หลังจากรัสเซียเริ่มปฏิบัติการโจมตีระยะที่สองพุ่งเป้าในภาคตะวันออกของยูเครน
ด้านสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ ประเมินว่า มีประชาชนชาวยูเครนมากกว่า 5 ล้านคนหนีภัยสงครามออกนอกประเทศนับตั้งแต่รัสเซียบุกยูเครนเมื่อวันที่ 24 ก.พ. โดยเกือบ 2.8 ล้านข้ามพรมแดนไปโปแลนด์ และอีก 7 ล้านคนพลัดถิ่นฐานภายใน ประเทศ
โอเลก ตินคอฟ มหาเศรษฐีพันล้านชาวรัสเซีย ที่ถูกคว่ำบาตรจากชาติตะวันตก โพสต์ในอินสตาแกรมประณามการสังหารหมู่โดยกองทัพรัสเซียในประเทศเพื่อนบ้าน และเรียกร้องให้ผู้นำชาติตะวันตกช่วยยุติสงครามที่ “บ้าคลั่ง”