svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ต่างประเทศ

Netflix เสียลูกค้า-หุ้นดิ่ง ส่อขาลงวงการสตรีมมิ่ง

20 เมษายน 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

Netflix เจอสถานการณ์ไม่คาดฝัน หุ้นร่วง 25% หลังรายงานการสูญเสียสมาชิกทั่วโลกครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปี ไปถึง 200,000 คน ในไตรมาสแรก ที่มาจากสารพัดปัจจัย ทั้งคู่แข่ง เงินเฟ้อ การแชร์พาสเวิร์ดนอกครัวเรือนและสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อ

Netflix เสียลูกค้า-หุ้นดิ่ง ส่อขาลงวงการสตรีมมิ่ง

 

ในช่วงการระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้สถานศึกษา สำนักงาน หน่วยงานราชการและธุรกิจอีกหลายประเภทต้องปิดทำการ นำไปสู่การเรียนออนไลน์และการทำงานที่บ้านซึ่งจุดนี้เอง ที่ทำให้แพลตฟอร์ม “สตรีมมิ่ง” เบ่งบานสุดขีด โดยเฉพาะ Netflix ยักษ์ใหญ่ที่ครองอันดับหนึ่งตลาดสตรีมมิ่งโลก แต่จากการประกาศผลประกอบการช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ กลับกลายเป็นว่า Netflix เสียยอดสมาชิก (subscriber) เป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี (ครั้งสุดท้ายคือ ปี 2554) โดยจำนวนสมาชิกทั่วโลกเหลือ 221.64 ล้านราย ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้านี้ 0.20 ล้านราย (หายไปถึง 200,000)

 

ข่าวนี้ทำให้หุ้นบริษัทดิ่งลงทันที 25% และคาดว่า ไตรมาสที่ 2 (2/2022) จะลดลงอีกประมาณ 2 ล้านราย โดยเป็นการปรับจากการประเมินก่อนหน้านี้ ที่คาดว่าจะมีสมาชิกเพิ่มขึ้น 2.5 ล้านราย อีกทั้งมูลค่าของบริษัทหายไปเกือบ 4,500 ล้านดอลลาร์ สร้างความผิดหวังให้นักลงทุนเป็นอย่างมาก และหุ้นยังดิ่งไม่หยุด อาจเสียมูลค่าไปเกินครึ่งหนึ่งในปีนี้ ที่หมายความว่า ความมั่งคั่งของผู้ถือหุ้นจะหายไป 150,000 ล้านดอลลาร์ในเวลาไม่ถึง 4 เดือน

 

Netflix เสียลูกค้า-หุ้นดิ่ง ส่อขาลงวงการสตรีมมิ่ง

 

 

Netflix เสียลูกค้า-หุ้นดิ่ง ส่อขาลงวงการสตรีมมิ่ง

 

Netflix อ้างว่า เผชิญการแข่งขันจากแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งรายอื่น ที่เข้ามาแย่งส่วนแบ่ง, การแชร์พาสเวิร์ดในกลุ่มผู้ใช้งานที่ไม่ได้อยู่บ้านเดียวกัน จึงเป็นที่มาของการศึกษา โมเดลเก็บเงินแบบใหม่, สถานการณ์โควิด 19 ที่เริ่มผ่อนคลาย ทำให้คนยกเลิกสมาชิก และสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน ทำให้ต้องหยุดให้บริการในรัสเซียด้วย

 

ถ้าดูตามภาพรวม “ความรุ่งโรจน์ช่วงโรคระบาด” ของแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง น่าจะอยู่ในช่วงขาลง ที่ไม่ใช่แค่ Netflix อย่างเช่น อังกฤษ ถึงกับถูกระบุว่า เป็นการ “สิ้นสุดอย่างเป็นทางการ” เพราะมีครัวเรือนที่ยกเลิกสมาชิกแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง ทั้ง Netflix และ Disney+ Apple TV, Amazon Prime และ Now รวมกันกว่า 1.5 ล้าน ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ โดยกว่า 500,000 ราย ให้เหตุผลว่า ต้องการตัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น เพื่อให้เพียงพอกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น ตั้งแต่พลังงาน เสื้อผ้าและอาหาร และอีกไม่น้อยที่บอกต้องการเก็บเงินไว้ในยามฉุกเฉิน

 

สถานการณ์ตอนนี้ ไม่ต่างกับฟองสบู่แตก โดย Kantar Worldpanel (KWP) ผู้นำระดับโลกด้านการวิจัยพฤติกรรมของผู้บริโภคเชิงลึก ระบุว่า ครัวเรือนต่างๆ เริ่มจัด ลำดับความสำคัญอย่างจริงจังในเรื่องการใช้จ่าย รายงานล่าสุด ชี้ว่าเหลือครัวเรือนที่ยังใช้บริการสตรีมมิ่งอย่างน้อย 1 แพล็ตฟอร์ม เพียง 58%

 

Netflix เสียลูกค้า-หุ้นดิ่ง ส่อขาลงวงการสตรีมมิ่ง

 

 

 

 

 

logoline