ตำรวจศรีลังกา ยืนยันว่า ใช้ปืนยิงสลายผู้ประท้วงที่ชุมนุมในเมืองรัมบุกกานา ห่างจากกรุงโคลอมโบ เมืองหลวง 90 กม.เมื่อวันอังคาร (19 เม.ย.) โดยให้เหตุผลว่าผู้ประท้วงปิดกั้นทางรถไฟและถนน รวมทั้งไม่ฟังคำเตือนที่ให้สลายการชุมนุม และขว้างก้อนหินใส่ตำรวจด้วย หลังจากนั้นตำรวจประกาศใช้มาตรการเคอร์ฟิวในพื้นที่
แพทย์ เปิดเผยว่า มีผู้บาดเจ็บ 14 คนเข้ารับการรักษาบาดแผลที่เชื่อว่าเกิดจากกระสุนปืน แต่ 1 คนในจำนวนนี้เสียชีวิต และตำรวจ รายงานว่า มีเจ้าหน้าที่ 15 นายได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจากการปะทะกับผู้ประท้วงและเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล
เหตุรุนแรงครั้งนี้เป็นการยิงปืนสลายผู้ประท้วงครั้งแรกนับจากมีประชาชนที่โกรธแค้นต่อวิกฤตเศรษฐกิจออกมาชุมนุมอย่างประปรายในหลายเมืองทั่วประเทศนานหลายสัปดาห์ โดยเฉพาะในกรุงโคลอมโบ มีผู้ประท้วงปักหลักชุมนุมนอกทำเนียบประธานาธิบดีเป็นวันที่ 11 เมื่อวันอังคาร เพื่อขับไล่ประธานาธิบดีโคตาบายา ราชปักษา โดยกล่าวโทษว่าเขาเป็นต้นเหตุให้ประเทศประสบวิกฤตเศรษฐกิจครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบกว่า 70 ปี
เอกอัครราชทูตของสหรัฐฯ และผู้ประสานงานของสหประชาชาติ เรียกร้องให้ทุกฝ่ายใช้ความอดกลั้น และเรียกร้องให้รัฐบาลเคารพสิทธิของประชาชนในการชุมนุมอย่างสันติ
ศรีลังกาใกล้จะเข้าสู่ภาวะล้มละลาย โดยมีภาระหนี้สาธารณะสูงถึง 25,000 ล้านดอลลาร์ และเกือบ 7,000 ล้านดอลลาร์มีกำหนดชำระภายในปีนี้ และการขาดแคลนเงินตราต่างประเทศทำให้ไม่สามารถนำเข้าเชื้อเพลิง อาหาร และยาได้ ส่งผลให้ประชาชนต้องประสบความยากลำบากจากการขาดแคลนสินค้าจำเป็น เช่น อาหาร ก๊าซหุงต้ม เชื้อเพลิง และยา มานานหลายเดือนแล้ว และราคาเชื้อเพลิงปรับสูงขึ้นหลายครั้งในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา โดยเพิ่งปรับขึ้นรอบล่าสุดเมื่อเที่ยงคืนวันที่ 18 เม.ย.
นายกรัฐมนตรีมหินทา ราชปักษา แถลงต่อรัฐสภาเมื่อวันอังคารว่า อาจจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อลดทอนอำนาจของประธานาธิบดีและเพิ่มอำนาจให้กับรัฐสภา ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยรักษาเสถียรภาพของประเทศ และอำนวยความสะดวกเรื่องการเจรจาขอเงินกู้กับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF ซึ่งเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้วเมื่อวันจันทร์
แต่ทั้งประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรี ที่เป็นพี่ชายจะยังคงอยู่ในอำนาจต่อไป แม้ว่าผู้ประท้วงยืนยันต้องการให้ตระกูลราชปักษาพ้นจากอำนาจไปให้หมด