ยังคงต้องติดตามอย่างต่อเนื่อง คดีที่ นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ถูกแจ้งความ ก่อเหตุล่อลวงหญิงสาว ไปข่มขืน และกระทำอนาจาร ที่จนถึงขณะนี้มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความแล้ว 14 ราย
ล่าสุดวันนี้ (20 เม.ย.) พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) ในฐานะโฆษกตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบไปที่ สน.ลุมพินี ครั้งสุดท้าย ขณะนี้ยังไม่มีผู้เสียหายรายใดเข้ามาแจ้งความเพิ่มเติม แต่ได้แจ้งให้ ผกก.สน.ลุมพินี เตรียมพนักงานสอบสวนหญิงเพื่อรับแจ้งความไว้แล้ว โดยจะนำคำให้การที่ได้ไปรวมไว้กับสำนวนในคดีของผู้เสียหายทั้ง 9 คน ที่เข้ามาแจ้งความก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ ต้องตรวจสอบก่อนว่า คดีดังกล่าวยังคงอยู่ในอายุความหรือไม่ หากยังอยู่ในอายุความและมีมูลพอที่จะสืบสวนได้ก็จะเร่งดำเนินการให้ทันที เช่นเดียวกับความคืบหน้า การสอบสวนคดีของผู้เสียหายทั้ง 9 คนที่แจ้งความมาก่อนหน้านี้ ซึ่ง ขณะนี้ชุดสืบสวนสอบสวนอยู่ระหว่างการตรวจสอบคัดแยกจาก อายุความ
พล.ต.ต.จิรสันต์ กล่าวถึงความเคลื่อนไหวของผู้ต้องหาที่ได้รับการประกันตัวไปก่อนหน้านี้ ว่า ข้อมูลที่ตรวจสอบไป ยังไม่พบผู้ต้องหามีพฤติการณ์ไปยุ่งเหยิงกับพยาน หลักฐาน หรือจะมีพฤติการณ์หลบหนี ซึ่งยังไม่มีการไปยื่นต่อศาลให้เพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราว
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่ามี พ.ต.อ. หรือ พล.ต.ต. วิ่งเจรจากับผู้เสียหาย ขณะนี้จากการตรวจสอบยังไม่พบพยานหลักฐานที่ชัดเจนว่า มีนายตำรวจเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว แต่หากทีมทนายความหรือผู้เสียหาย มีข้อมูลก็สามารถนำมายื่นต่อพนักงานสอบสวนและกองบัญชาการตำรวจนครบาลได้ เราพร้อมที่จะดำเนินการตรวจสอบให้ทันที
รอง ผบช.น. กล่าวถึงกรณีที่ ทนายตั้ม ษิทธา เบี้ยบังเกิด ทนายความชื่อดัง ระบุว่า อาจมีผู้เสียหายบางคนที่เข้ามาดิสเครดิตคดี ว่า อยากฝากเตือนไปถึงผู้เสียหาย ที่เข้าแจ้งความอยู่ในขณะนี้ หรือกำลังเตรียมจะเข้าแจ้งความเพิ่มเติมว่า หากจงใจที่จะให้ข้อมูลอันเป็นเท็จหรือทำให้คดีดังกล่าวมีความปั่นป่วนวุ่นวาย จะเข้าข่ายการแจ้งความเท็จ ซึ่งมีโทษทางอาญา หากฝั่งของผู้เสียหายหรือผู้ต้องหาได้รับความเสียหายจากเรื่องดังกล่าว ก็อาจถูกดำเนินคดีจากหลายทางได้ จึงขอเตือนให้หยุดพฤติกรรมดังกล่าว