ยังต้องติดความกันอย่างต่อเนื่องสำหรับคดีที่ นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ถูกตั้งข้อหา ลวนลามและข่มขืนผู้หญิง ที่วานนี้ (18 เม.ย.) ตำรวจ สน.ลุมพินี ได้นำหมายศาล เข้าตรวจค้นห้องพักของนายปริญญ์ ในซอยสุขุมวิท 3 กรุงเทพฯ เพื่อหาหลักฐาน โดยระหว่างที่มีการตรวจค้น นายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย หรือ ลูกนัท นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ได้พา น.ส.หทัยรัตน์ ธนากิจอำนวย หรือ แอนนา ภรรยา ซึ่งเป็นผู้เสียหายในคดี เดินทางเข้าไปตามที่ถูกตำรวจนัดหมาย แต่สุดท้ายกลับไม่ได้ขึ้นตึก ทำให้ ลูกนัทไม่พอใจ ตำหนิอย่างรุนแรง (อ่านข่าว)
ล่าสุด วันนี้ (19 เม.ย.) ลูกนัท ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Nat Thanakitamnuay โดยระบุว่า
ในเหตุการณ์เมื่อวาน ตำรวจได้หลอกลวง แอน รวมไปถึงสื่อมวลชน ให้เข้าไป “ชี้จุดเกิดเหตุ” นั้นเป็นสาเหตุเดียวที่ ผมและแอน ไปที่สถานที่เกิดเหตุ จากการที่ ตำรวจ สน.ลุมพินี เรียกให้ไปชี้ พอไปถึงก็ไม่ให้ชี้ แต่ หลอกให้ชี้ข้างล่าง เป็นการพยายามให้สำนวนหลวม
มากไปกว่านั้น ผ่านมาหลายวันมากๆ แล้ว ยังจะพึ่งไป เป็นใคร ๆ คงทำลายหลักฐานทิ้งหมดแล้ว ซ้ำทนายของผู้ต้องหา ก็ยังอยู่บนห้องกับตำรวจ ส่อแววร่วมมือกันทำอะไรซักอย่าง – เห็นได้ชัดว่าการที่ ทนายผู้ต้องหา และตำรวจทำ คือการพยายามที่จะทำลายสภาพจิตใจของผู้เสียหาย ให้สติแตกและหมดแรงสู้ การกลับมาที่จุดเกิดเหตุเป็นเรื่องที่จะทำร้ายสภาพจิตใจของผู้เสียหายได้มากๆ เป็นที่รู้ดี ผู้เสียหายรู้ จิตแพทย์รู้ คน และ ประเทศเจริญ ๆ แล้วรู้ แต่ตำรวจไทย ไร้ความเจริญ ใช้สิ่งนี้มากลั่นแกล้งผู้เสียหายของเรา ในการเรียกให้มาชี้ซ้ำ ๆ เพราะท้ายสุดแล้ว ก็ต้องย้อนภาพจำในวันนั้น เพื่อมาชี้จุดเกิดเหตุในวันต่อมาอยู่ดี
เรื่องต่อไป ได้มีการอ้างถึง “หมายคุ้มครอง” ของศาล ซึ่งไม่มีอยู่จริง ขอพูดก่อนว่า ในตอนแรกตำรวจบอกว่า จะให้ขึ้นไป ขอให้การพิสูจน์หลักฐานทำงานเสร็จก่อน (สื่อมวลชนเป็นพยาน) และแล้วไม่นานก็กลับคำโกหกแรกด้วยคำโกหกสองว่า ทนายของผู้ต้องหา ขอสิทธิคุ้มครอง ไม่ให้ขึ้นไป – พอถามหาขอดูหมาย ได้ทำท่าทีจะให้ดู แต่ก็ไม่ให้ดู
หลังจากนั้น ตำรวจแก้ตัวกับสื่อมวลชนว่า ศาลอนุญาตแค่เจ้าหน้าที่ หากแต่ว่า แท้จริงแล้วในขบวนการ ยุติธรรม ศาลได้ให้อำนาจพนักงานสอบสวนทำตามหน้าที่เต็มที่ แปลว่าแม้ผู้เสียหายไม่ได้มีชื่ออยู่ในรายชื่อหมายค้น ตำรวจย่อมมีสิทธิใช้ดุลพินิจ พาผู้ต้องหาขึ้นไปถ่ายรูปประกอบหลักฐานให้รัดกุม ปฏิเสธการคัดค้านของทนายผู้ต้องหา (ได้ confirm อำนาจของเจ้าหน้าที่โดยศาลแล้ว)
ดังนั้นเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากการที่ตำรวจ และ ทนายของผู้ต้องหา ร่วมมือกัน กลั่นแกล้งผู้เสียหาย ผมจึงเห็นสมควรที่จะฟ้องดำเนินคดี ม.157 กับ ผกก.สน.ลุมพินี และ ทนายของผู้ต้องหาในกฎหมายมาตราที่เกี่ยวข้อง ขอขอบพระคุณสื่อมวลชนที่เป็นพยานหลักฐานให้ในที่เกิดเหตุด้วยเช่นกันครับ