13 เมษายน 2565 น.ส.หนึ่ง (นามสมมติ) อายุ 46 ปี ซึ่งปัจจุบันทำงานเป็นผู้ช่วยกุ๊กอยู่โรงแรมดังแห่งหนึ่งในอำเภอนางรอง จ.บุรีรัมย์ ได้ออกมาร้องขอความช่วยเหลือ หลังจากถูกแก๊งทวงหนี้ตามข่มขู่คุกคามทั้งที่บ้าน ที่ทำงาน และส่งข้อความผ่านไลน์มาข่มขู่ด้วย หลังจากเมื่อช่วงเดือนมีนาคม 2565 ที่ผ่านมา น้องที่ทำงานอยู่โรงแรมเดียวกัน ได้มาอ้อนวอนให้ช่วยค้ำประกันเงินกู้รายวันให้ โดยน้องอ้างว่าเดือดร้อนจำเป็นต้องใช้เงิน ด้วยความสงสารและไว้ใจเห็นว่าทำงานที่เดียวกันจึงยอมค้ำให้ รวมยอดเงินทั้งหมดที่กู้ประมาณ 4 หมื่นกว่าบาท ซึ่งช่วงแรกน้องคนดังกล่าวก็ส่งชำระดอกเบี้ยให้กับแก๊งเงินกู้รายวันตามปกติ แต่เมื่อประมาณสัปดาห์ที่ผ่านมา จู่ๆ น้องคนดังกล่าวก็ได้ออกจากงานแล้วหายไปไม่สามารถติดต่อได้ ทำให้แก๊งทวงหนี้มาติดตามทวงถามเงินกู้กับตนเองในฐานะคนค้ำแทน ตอนแรกตนก็หาเงินมาส่งให้ไปก่อน 3,000 บาท เพราะคิดว่าจะสามารถติดต่อกับน้องคนที่กู้เงินได้แต่กลับติดต่อไม่ได้เลย
ทำให้แก๊งทวงหนี้หันมาทวงหนี้กับตนแทนพอไม่มีจ่ายก็จะตามข่มขู่คุกคาม ถึงขั้นส่งข้อความมาข่มขู่ว่า "เดี๋ยวมึงเจอกู" "ระวังตัวให้ดีแล้วกัน" ทำให้ตนรู้สึกกลัวและหวาดผวา จนต้องใช้ชีวิตแบบหวาดระแวงหลบๆ ซ่อนๆ เพราะเงินที่น้องกู้มาก็ไม่ได้ใช้สักบาท แถมยังต้องมารับภาระหาเงินใช้หนี้แทนอีก ลำพังเงินเดือนที่ได้จะใช้จ่ายในครอบครัวตัวเองยังไม่พอเลย ก็ไม่รู้จะหาเงินที่ไหนมาใช้หนี้แทน จึงกลัวแก๊งดังกล่าวจะมาทำร้ายตนเองและครอบครัว จึงตัดสินใจไปแจ้งตำรวจ สภ.นางรอง ให้ช่วยเหลือ ที่ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่าไม่สามารถทำอะไรได้ เนื่องจากยังไม่ได้เกิดเหตุอะไรขึ้น ทั้งได้แนะนำให้ตนเองไปร้องศูนย์ดำรงธรรมแทน
ตอนนี้ไม่รู้จะหันหาไปพึ่งใครหากเป็นไปได้ก็อยากให้น้องคนที่กู้เงินไปกลับมารับผิดชอบ หรือให้หน่วยงานไหนก็ได้ช่วยเหลือเป็นคนกลางในการไกล่เกลี่ยกับแก๊งเงินกู้ดังกล่าว หากไม่สามารถติดต่อคนกู้ได้และตนจะต้องชำระแทนจริงๆ ก็อยากให้ทำบันทึกเป็นหลักฐานว่าพอมีกำลังจะจ่ายได้เดือนเท่าไหร่ จะได้ไม่ต้องอยู่แบบหวาดระแวงหรือหลบๆ ซ่อนๆ แบบนี้ และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นบทเรียนครั้งสำคัญในชีวิต จากนี้คงไม่กล้าไปค้ำประกันอะไรให้ใครอีก
ภาพ/ข่าว : สุรชัย พิรักษา สำนักข่าวเนชั่น จ.บุรีรัมย์