
หลังจาก นายสมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมค้าส่ง - ค้าปลีกไทย ออกมาเปิดเผยว่า ในเดือนเมษายนนี้ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคบางรายการและบางยี่ห้อ เช่น ซอสปรุงรส ซีอิ๊วขาว ผงซักฟอก เป็นต้น แจ้งปรับราคาขึ้นร้อยละ10 ทั้งที่เป็นราคาขายส่งถึงยี่ปั๊วและราคาขายส่งถึงผู้บริโภค อีกทั้งกระทรวงพลังงานปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้มธรรมชาติ (LPG)กิโลกรัมละ1บาทต่อถัง15กิโลกรัม ส่งผลให้ราคาก๊าซหุงต้มขยับจาก318บาท เป็น333บาท เป็นเวลา3เดือน ตั้งแต่เดือนเมษายน - มิถุนายน2565ทั้งนี้การปรับขึ้นตามขั้นบันไดดังกล่าวยังไม่สะท้อนต้นทุนแท้จริงซึ่งสูงกว่าราคาที่กำหนด สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีพของประชาชนรวมไปถึงกลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหารที่ต้องปรับตัวตามสถานการณ์อีกด้วย
จากการสำรวจที่ร้านก๋วยเตี๋ยวคุณยาย ถ.มัธยมจันทร์ อ.เมือง จ.สกลนคร สอบถามกับ นางกัญญาณัฐ อุดมโชติวัฒน์ อายุ55ปี เจ้าของร้าน ถึงผลกระทบจากสินค้าอุปโภคบริโภคและก๊าซหุงต้มที่ทยอยปรับราคาขึ้น ซึ่งร้านก๋วยเตี๋ยวของนางกัญญาณัฐได้รับผลกระทบทางตรงเพราะวัตถุดิบ เช่น ซอสปรุงรส ซีอิ๋วขาว ที่ปรับราคาขึ้นร้อยละ10 แม้แต่กระทั่งก๊าซหุงต้มที่ต้องใช้วันละ1ถัง15กิโลกรัมต่อวัน เดิมที1ถัง15กิโลกรัม ถังละ450บาท ตอนนี้ปรับขึ้นมาเป็น ถังละ490บาท ปัจจุบันหันมาใช้วิธีการนำถังก๊าซหุงต้มไปเติมเองที่สถานนีบริการครั้งละหลายๆ ถังเพื่อประหยัดต้นทุน
นางกัญญาณัฐ กล่าวว่า ตอนนี้ต้องแบกต้นทุนเฉพาะเนื้อสัตว์ เครื่องปรุงและเส้นต่างๆ จากเดิมประมาณ10,000บาทต่อวัน เฉลี่ยเพิ่ม13,000บาทต่อวัน เงินจำนวนนี้ไม่รวมค่าแรงและค่าเช่าที่ ซึ่งรายรับรายจ่ายไม่สอดคล้องกัน อย่างไรก็ดีถึงแม้สินค้าทุกอย่างพาเหรดปรับราคาขึ้นและไม่มีทีท่าลดลง ยังยืนยันจะขายก๋วยเตี๋ยวในราคาถ้วยละ40บาท พร้อมทั้งให้เยอะเหมือนเดิมเพื่อผู้บริโภค