นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทยประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ภายหลังการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนด้านการพาณิชย์ ว่า ตัวเลขการส่งออกเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ยังอยู่ในเกณฑ์ดี +16.2% มีมูลค่าการส่งออก 770,819 ล้านบาท การนำเข้ามีมูลค่า 776,612 ล้านบาท เป็น +16.8% การที่อัตราการนำเข้ายังเป็นบวกถือเป็นผลดีกับเศรษฐกิจ มีการนำเข้าสินค้าทุนเพื่อการผลิตนำไปสู่การส่งออก นำรายได้เข้าประเทศต่อไป
โดยตลาดที่ขยายตัวในระดับสูง 10 อันดับแรก ประกอบด้วย 1.รัสเซีย+33.4% 2.อาเซียน 5 ประเทศ +31.5% 3.ฮ่องกง +29.8% 4.เกาหลีใต้ +28.9% 5.สหรัฐฯ +27.2% 6.อินเดีย +23% 7.ไต้หวัน +17.7% 8.สหราชอาณาจักร +17.3% 9.CLMV +14.4% 10. ตะวันออกกลาง +13.8% ส่วนรายละเอียดรายสินค้ายังไม่มี เนื่องจากมีการเปลี่ยนระบบพิกัดภาษีศุลกากรในรอบ 5 ปี
ไปดูปัจจัยที่จะมีส่วนช่วยสนับสนุนการส่งออกของไทยในปี 2565 ประกอบด้วย
1.การเพิ่มศักยภาพการส่งออกสินค้าเกษตร ตามยุทธศาสตร์ “เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด” เช่น ข้าว ซึ่งปีนี้คาดว่าจะสามารถส่งออกข้าวบรรลุเป้าหมายได้ไม่ต่ำกว่า 7,000,000 ตันและจะมีตลาดเพิ่มในตะวันออกกลาง
2.ตลาดใหม่ที่ตั้งเป้าไว้ โดยเฉพาะตลาดตะวันออกกลาง เริ่มปรากฏผลคือซาอุดิอาระเบีย โดย อย.ซาอุฯ อนุญาตให้นำเข้าไก่จาก 11 โรงงานของไทยได้แล้วและสัปดาห์หน้าจะมีการส่งออกไก่ล็อตแรกไปยังซาอุดิอาระเบีย
3.กระทรวงพาณิชย์ประสานงานกับแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างประเทศในการบรรจุสินค้าและบริการของไทยลงบนแพลตฟอร์มประสบความสำเร็จ ล่าสุดแพลตฟอร์มไต้หวัน สามารถนำสินค้าไทยไปขายบนแพลตฟอร์ม 3 แพลตฟอร์ม 1) PChome 2) PINKOI online marketplace
เพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าไลฟสไตล์ สินค้า BCG และ3)แพลตฟอร์มออนไลน์ของไปรษณีย์ไต้หวัน
4.การส่งเสริมกิจกรรม Online Business Matching หรือ OBM จับคู่ค้าขายออนไลน์และส่งเสริมการขายตามห้างสรรพสินค้าในต่างประเทศ ที่เราดำเนินการต่อเนื่องประสบความสำเร็จ เช่น กลุ่มอาหารแห่งอนาคต สินค้า BCG สามารถสร้างมูลค่าได้ 3,450 ล้านบาท โดยคู่เจรจา 5 อันดับแรกประกอบด้วย อินเดีย เมียนมา ญี่ปุ่น เวียดนามและฟิลิปปินส์ และมีการจัด In-store promotion ที่ห้างดองกี้ของญี่ปุ่น ประสบความสำเร็จในการขายสินค้าเกษตร เกษตรแปรรูป ผลไม้และข้าว เป็นต้น
และภาคการผลิตทั่วโลกยังขยายตัวดูจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตโลก (Global Manufacturing PMI)อยู่เหนือระดับ 50 ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 20 จะเป็นโอกาสสำหรับการส่งออกของไทย
สำหรับปัญหาสงครามสู้รบระหว่างรัสเซีย-ยูเครนขณะนี้ ยังประเมินไม่ได้ว่าจะส่งผลต่อการส่งออกไทยมากน้อยแค่ไหน เพราะเหตุเกิดปลายกุมภาพันธ์ แต่กระทรวงพาณิชย์ยังคงตั้งเป้าส่งออกไว้เท่าเดิม
ส่วนผลการประชุม กรอ.พาณิชย์ มีการแก้ปัญหาการถ่ายลำ โดยประสงค์จูงใจให้เรือขนาดใหญ่มาจอดเทียบท่าในเมืองไทย แล้วขนตู้คอนเทนเนอร์เข้ามา รวมทั้งขนสินค้าบางอย่างเข้ามาพักที่เขตพิเศษบริเวณท่าเรือได้ เพื่อให้ไทยนำสินค้าขึ้นเรือส่งออกไปได้ ซึ่งการถ่ายลำนี้เอกชนเห็นว่าเป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับการจูงใจให้เรือใหญ่เข้ามา โดยเดือนเมษายนนี้จะได้ข้อสรุปทั้งหมด แต่นายจุรินทร์ ได้มอบเป็นนโยบายว่าสินค้าใดที่ผู้มีส่วนได้เสียไม่เห็นด้วย ที่จะให้นำมาพักที่ท่าเรือได้ ก็ให้หารือเป็นที่ยุติ เช่น มันสำปะหลัง
ขณะที่ความคืบหน้าการจัดทำมินิ fta ตั้งเป้าไว้ 11 ฉบับ ลงนามแล้ว 2 ฉบับ คือไห่หนาน (จีน) กับ โคฟุ (ญี่ปุ่น) ที่เหลือกำลังดำเนินการ เช่น รัฐเตลังคานา ของอินเดีย จะลงนาม 11 เมษายนนี้
ส่วนมณฑลกานซูของจีน ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ จะลงนามในปลายเมษายน
ส่วนการค้ากับซาอุฯ สัปดาห์หน้าไทยจะส่งออกไก่ล็อตแรก และมีแผนที่จะนำคณะผู้แทนการค้าไปเจรจาการค่ากับซาอุฯ เร็วนี้ใน 3 เมือง คือ เจดด้า ริยาด นัมมัม ขายสินค้าประเภท อุปกรณ์และส่วนประกอบยานยนต์ อาหาร เสื้อผ้า และอื่นๆ พร้อมตั้งคณะกรรมการร่วมทางการค่า หรือ jtc ไทย-ซาอุฯ ต่อไป
การค้าไทย-อียิปต์ ซึ่งทางอียิปต์กำหนดให้สินค้านำเข้าต้องมี LC ซึ่งมีขั้นตอนที่ซับซ้อน ได้มอบหมายให้ทูตพาณิชย์ ช่วยอำนวยความสะดวกและแก้ปัญหาเบื้องต้นให้ภาคเอกชน