แผ่นดินไหวขนาด 7.4 ที่ญี่ปุ่น ตาย 4 เจ็บ 97

ญี่ปุ่นเผชิญแผ่นดินไหวขนาด 7.4 ที่นอกชายฝั่งทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ เมื่อเวลา 23.36 น. ของวันพุธ สำนักงานอุตุนิยมวิทยาประกาศเตือนภัยสึนามิในสองจังหวัด คือมิยางิกับฟุกุชิมะ แต่ได้ยกเลิกในเช้าวันนี้หลังตรวจจับได้เพียงคลื่นขนาดย่อม นายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ แถลงต่อสภาผู้แทนราษฎรหรือสภาไดเอท ว่ามีผู้เสียชีวิต 4 คน และบาดเจ็บ 97 คน รัฐบาลได้ตั้งกองกำลังเฉพาะกิจขึ้นที่สำนักนายกรัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรีคิชิดะได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการช่วยเหลือ โดยเป็นการประสานความร่วมมือกันระหว่างกระทรวงต่าง ๆ กับหน่วยงานท้องถิ่น 

เจแปน ไทม์ส รายงานว่าแผ่นดินไหวครั้งนี้ที่อยู่ลึกลงไปในมหาสมุทรราว 57 กิโลเมตร ทำให้เกิดแรงกระเพื่อมคร่อมประเทศ โดยรับรู้ได้ทั้งภาคตะวันออก ภาคกลางและภาคตะวันตก ทั้งยังเกิดอาฟเตอร์ช็อกขนาดย่อม ๆ ตามมาอีกหลายครั้งก่อนเวลา 01.00 น.ของวันนี้ ตามเวลาท้องถิ่น ทางการเตือนประชาชนที่จังหวัดฟุกุชิมะ, มิยางิและยามางาตะ ให้เตรียมรับมืออาฟเตอร์ช็อกไปจนถึงสัปดาห์หน้า 

เจ้าหน้าที่ดับเพลิงในจังหวิดมิยางิกับฟุกุชิมะ ต้องรับโทรศัพท์แจ้งเหตุฉุกเฉินมือเป็นระวิงจากผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนและบาดเจ็บจำนวนมาก ส่วนใหญ่มีบาดแผลที่แขนและเท้าซึ่งเกิดจากเศษกระจกแตกบาด สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่ามีผู้บาดเจ็บที่จังหวัดมิยางิ ฟุกุชิมะ คานางาวะ อิบารากิ อิวาเตะ อากิตะ และยามางาตะ

ผู้ให้บริการรถไฟชินคันเซน "East Japan Railway Co." รายงานว่ารถไฟหัวกระสุนชินคันเซน สายโตโฮกุ ที่มีผู้โดยสารราว 100 คน ประสบอุบัติเหตุตกรางช่วงระหว่างสถานีฟุกุชิมะกับสถานีชิโรอิชิซาโอะ แต่ไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บ แรงสั่นสะเทือนยังทำให้ไฟดับในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก ส่งผลกระทบต่อประชาชน 2.2 ล้านครัวเรือน รวมทั้งผู้อาศัยอยู่ในกรุงโตเกียวราว 7000,000 ครัวเรือน ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการเร่งดำเนินการแก้ไข 

หน่วยงานกำกับดูแพลังงานนิวเคลียร์เปิดเผยว่า ยังไม่พบความผิดปกติที่เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์หมายเลข 1 ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ ที่แกนหลอมละลายหลังเผชิญแผ่นดินไหวขนาด 9 และสึนามิ เมื่อวันที่ 11 มีนาคม ปี 2554 แต่ช่วงที่เกิดแผ่นดินไหวการระบายความร้อนในบ่อเก็บเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ใช้แล้ว ของเตาปฏิกรณ์หมายเลข 1 ของโรงงานฟุกุชิมะหมายเลข 2 ได้หยุดทำงาน และเตาปฏิกรณ์หมายเลข 3 ปิดลงชั่วคราวก่อนกลับมาเปิดใหม่ และต้องใช้เวลาประมาณ 7 วัน กว่าอุณหภูมิของแหล่งเชื้อเพลิงใช้แล้วจะเพิ่มขึ้นเป็น 65 องศาเซลเซียส