15 มีนาคม 2565 จากกรณี กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เผยข้อมูลประเทศไทยพบ ผู้ติดเชื้อเข้าข่าย โอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.2.2 จำนวน 4 ราย แต่อาการไม่รุนแรงและรักษาหายแล้ว เบื้องต้น สายพันธุ์ย่อย BA2.2 ยังไม่ถูกประเมินให้เป็นสายพันธุ์น่ากังวล จากระบบ จีเซท อ่านข่าวเพิ่มเติม คลิกที่นี่
ขณะที่ ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ม.มหิดล เปิดข้อมูลรายละเอียด โควิด-19 สายพันธุ์ BA.2.2 สายพันธุ์ใหม่จากฮ่องกง ผ่านเพจเฟซบุ๊ก “Center for Medical Genomics” อัปเดทเมื่อวันที่ 12 มี.ค.65 หัวข้อ โอมิครอน “BA.2.2” (B.1.1.529.2.2) จาก "ฮ่องกง" ที่อาจเป็นภัยร้ายในอนาคต มีรายละเอียดดังนี้
การระบาดใหญ่ระลอกล่าสุดของ โอมิครอน บนเกาะฮ่องกง อาจเป็นสาเหตุให้เกิดสายพันธุ์ใหม่ “BA.2.2” หรือ B.1.1.529.2.2 ที่มีการกลายพันธุ์เด่นตรงหนามแหลม ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงกรดอะมิโนตำแหน่งที่ 1221 จาก I (Isoleucine) เป็น T (Threonine) หรือ "S:I1221T"
การกลายพันธุ์ตรงยีน "ORf1a: T4087I" (ภาพ 1-2) โดยมีการซับมิทรหัสพันธุกรรม ทั้งจีโนม ของ BA.2.2 ที่สุ่มตรวจได้ที่ฮ่องกงขึ้นบนฐานข้อมูลโควิดโลก "GISAID" ประมาณ 386 ตัวอย่าง และสุ่มพบการแพร่ระบาดในอังกฤษประมาณ 236 ตัวอย่างเช่นกัน (ภาพ3)
เมื่อวันที่ 14 มี.ค.ที่ผ่านมา กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เผยไทยพบ ผู้ติดเชื้อเข้าข่าย โอมิครอน สายพันธุ์ย่อย BA.2.2 จำนวน 4 ราย แต่อาการไม่รุนแรงและรักษาหายแล้ว
จากการสุ่มถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมในอาเซียน พบในสิงคโปร์ พบ 11 ราย, อินโดนีเซีย 4 ราย, บูรไน 2 ราย และ กัมพูชา 1 ราย
เพื่อไม่ประมาททางศูนย์จีโนมทางการแพทย์ฯ ได้เริ่มพัฒนาชุดตรวจ BA.2.2 แล้ว คาดว่าจะแล้วเสร็จนำออกใช้ตรวจกรอง BA.2.2 ได้ภายในอีก 2 สัปดาห์ ด้วยเทคโนโลยี “MassArray Genotyping” ซึ่งใช้เวลาในการตรวจรู้ผลบรรดาสายพันธุ์ที่น่ากังวล (variants of concern: VOC) รวมทั้ง BA.2.2 ในการตรวจเพียงครั้งเดียว (single reaction) โดยใช้เวลาประมาณ 24-48 ชั่วโมงในการออกผล (ภาพที่ 4)
การระบาดระลอกใหม่นี้ ทำให้มีอัตราผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ในฮ่องกงพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดในโลก โดยมีผู้เสียชีวิตเฉลี่ยในรอบ 7 วันอยู่ที่ 30 คนต่อประชากร 1 ล้านคน
ในขณะที่ประเทศไทย อยู่ที่ 0.85 คนต่อประชากร 1 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุและผู้ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน (ภาพ 4) ดังนั้นท่านที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนควรรีบไปฉีด
ที่น่ากังวลคือ จากการที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่จาก โอมิครอน ในฮ่องกงเพิ่มขึ้นอย่างมาก เฉลี่ยในรอบ 7 วันอยู่ที่ 5,425 คนต่อประชากร 1 ล้านคน เมื่อเที่ยบกับอันดับสองประเทศลัตเวียจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ใกล้เคยงกันคือ 5,278 ต่อประชากร 1 ล้านคน ประเทศไทยอยู่ที่ 315 คนต่อประชากร 1 ล้านคน
แต่ปรากฏว่า อัตราผู้เสียชีวิต จากโรคโควิด-19 บนเกาะฮ่องกงสูงมาก โดยมีผู้เสียชีวิตเฉลี่ยในรอบ 7 วันอยู่ที่ 30 คนต่อประชากร 1 ล้านคน ในขณะที่ทั้งลัตเวียและไทย อยู่ที่ 10.7 และ 0.7 ตามลำดับ (ภาพ 4)
กล่าวคือที่ฮ่องกงมีอัตราผู้เสียชีวิตสูงกว่าลัตเวียถึง 2 เท่า โดยทั้งลัตเวียและไทยมีการะบาดของสายพันธุ์ BA.1 และ BA.2 ไม่พบ BA.2.2 ทำให้มีแนวโนมว่าโควิดกลายพันธุ์สายพันธุ์ย่อย BA.2.2 อาจเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้อัตราผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ในฮ่องกงพุ่งขึ้นจนทำสถิติสูงที่สุดในโลก
ล่าสุดจากการคำนวณพบว่า BA.2.2 มีการระบาดเพิ่มขึ้นกว่าทุกสายพันธุ์ประมาณ 35% (ภาพ5) และพบว่าในอังกฤษมีจำนวนผู้ป่วยที่เข้ารักษาตัวใน รพ. เพิ่มขึ้นสอดคล้องไปกับการแพร่ระบาดของ BA.2.2 (ภาพ6)
ขณะนี้นักวิทยาศาสตร์ฮ่องกงและทั่วโลก กำลังประมวลผลรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมของ BA.2.2 กับข้อมูลทางคลินิกเพื่อตอบปัญหาสำคัญ 6 ประการ
ผู้เชี่ยวชาญที่ติดตามผู้ป่วย BA 2.2 ในฮ่องกงพบว่าส่วนหนึ่งเป็นการติดเชื้อในกลุ่มผู้สูงอายุที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนอย่างเหมาะสม เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ส่วนการเพิ่มจำนวนขึ้นของ BA 2.2 ในสหราชอาณาจักรอาจเป็นเพราะภูมิคุ้มกันที่เกิดจากการติดเชื้อ BA.1 ตามธรรมชาติไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อ BA.2.2 ได้
สำหรับการป้องกันตัวจาก โควิด-19 โอมิครอน สายพันธุ์ย่อย BA2.2 กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข แนะนำ 5 ข้อสำคัญดังนี้
ขอบคุณข้อมูล : เพจเฟซบุ๊ก ศูนย์จีโนม ม.มหิดล