นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด ของแคนาดา แถลงเมื่อวันจันทร์ว่า รัฐบาลตัดสินใจใช้อำนาจภายใต้กฎหมายสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อยุติการปิดกั้นและยึดครองพื้นที่ของกลุ่มผู้ประท้วง โดยจะบังคับใช้มาตรการพิเศษชั่วคราวเป็นเวลา 30 วัน หลังจากการประท้วงทำลายเศรษฐกิจและส่งผลอันตรายต่อความปลอดภัยของประชาชน จึงไม่อาจไปล่อยให้กิจกรรมที่ผิดกฎหมายและเป็นอันตรายยืดเยื้อต่อไปได้
ภายใต้กฎหมายดังกล่าวที่ผ่านการอนุมัติในปี 2531 รัฐบาลจะใช้มาตรการตัดเส้นทางการเงินของกลุ่มผู้ประท้วง ที่ให้อำนาจธนาคารอายัดบัญชีเงินฝากของผู้ประท้วงโดยไม่ต้องขออำนาจศาล และเพิ่มอำนาจให้ตำรวจระดับท้องที่และระดับรัฐในการจัดการกับผู้ประท้วง
มาตรการทั้งหมดนี้มีผลบังคับใช้ทันที แต่รัฐบาลต้องรอให้สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาลงมติภายใน 7 วันเพื่อรับรองหรือยกเลิกการใช้อำนาจฉุกเฉิน
แต่องค์กรด้านสิทธิพลเมือง โต้แย้งว่า การใช้อำนาจของรัฐบาลครั้งนี้ไม่เข้าเกณฑ์ตามกฎหมายที่กำหนดให้บังคับใช้เมื่อมีภัยคุกคามต่ออธิปไตย ความมั่นคง และบูรณภาพทางดินแดน และแม้พรรคการเมืองส่วนใหญ่สนับสนุนการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรีทรูโด แต่ก็มีเสียงทักท้วงจากผู้ว่าการรัฐควิเบกว่า อาจเป็นการราดน้ำมันเข้ากองเพลิง
การประท้วงภายใต้ชื่อ "ขบวนเสรีภาพ" เริ่มจากกลุ่มคนขับรถบรรทุกที่คัดค้านการบังคับฉีดวัคซีนสำหรับคนขับรถบรรทุกที่ต้องข้ามพรมแดนแคนาดา-สหรัฐฯ โดยปิดกั้นถนนในกรุงออตตาวา เมืองหลวงตั้งแต่ปลายเดือน ม.ค.จนถึงขณะนี้รวมเกือบ 3 สัปดาห์แล้ว และมีการปิดกั้นสะพานแอมบาสซาเดอร์ ที่เป็นจุดผ่านแดนหลักระหว่างแคนาดาและสหรัฐฯ นาน 6 วันก่อนถูกตำรวจสลายได้สำเร็จเมื่อวันที่ 13 ก.พ. ขณะที่การปิดกั้นสะพานข้ามแดนในอีก 3 รัฐยังคงดำเนินอยู่