
สถานการณ์ในยูเครนกำลังน่าวิตกขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ยังไม่ชัดเจนว่า สงครามจะปะทุขึ้นเมื่อใด หลังการใช้แนวทางทางการทูตตลอดระยะเวลาหลายเดือนมานี้ ไม่สามารถแก้ปัญหาวิกฤตที่ขยายตัวขึ้นได้ ส่วนการเจรจาแบบวิดีโอคอลล์ ระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ กับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย กลับเข้าสู่ทางตัน และไบเดนได้เตือนว่า การบุกยูเครนรังแต่จะสร้างความทุกข์ยากให้มนุษย์" และตะวันตก ยังมุ่งมั่นที่จะใช้แนวทางทางการทูตเพื่อยุติวิกฤตที่เกิดขึ้น และเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์อื่นๆ อย่างเท่าเทียมกัน
ฝั่งปูติน ได้ชี้แจงต่อไบเดนว่า สหรัฐฯ กับองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต ไม่ได้ตอบสนองอย่างน่าพอใจต่อข้อเรียกร้องของรัสเซีย กรณียูเครนไม่ควรเข้าร่วมเป็นพันธมิตรทางทหารของนาโต และนาโตต้องถอนทหารออกจากยุโรตะวันออก
ปัจจุบัน สรรพกำลังของนาโตที่ประจำการอยู่ในยุโรปตะวันออก ได้แก่ เครื่องบิน "RC-135 Rivet Joint" ของสหรัฐฯกับอังกฤษ ที่บินลาดตระเวณอยู่พรมแดนยูเครนกับทะเลดำ ทหารสหรัฐฯ 5,000 นาย ในโปแลนด์ / ทหารอังกฤษ ราว 900 นาย ในเอสโตเนีย แต่คาดว่าจะเพิ่มเป็นสองเท่าในเดือนนี้่ ขณะเดียวกันก็สแตนบายทหาร 1,000 นาย ที่พร้อมจะเดินไปยุโรปตะวันออก ส่วนนาวิกโยธิน 350 นาย จะเดินทางไปโปแลนด์เพื่อสนับสนุนทหาร 150 นาย สังกัดกองร้อยทหารม้าเบา (Light Cavalry) ที่ประจำการอยู่ก่อนแล้ว
อังกฤษ ฝรั่งเศสและอิตาลี ยังจะส่งเรือรบเข้าไปในทะเลดำ เพื่อ "ซ้อมรบ" ในขณะที่ เรือดำน้ำของสหรัฐฯกับอังกฤษ ได้เข้าประจำการในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและทะเลดำ เพื่อดักฟังการสื่อสารของฝ่ายรัสเซีย อังกฤษยังเสนอส่งเรือรบ รวมทั้ง "HMS Trent" กับเรือพิฆาตไทป์ 45 ไปยังฝั่งตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน, รถถังต่อต้านขีปนาวุธ 2,000 คัน ไปช่วยยูเครน
ส่วนรัสเซีย มีทหารมากกว่า 230,000 นาย รวมทั้งกองกำลังแบ่งแยกดินแดน 30,000 นาย และทหารเบรารุส 40,000 นาย ที่เหลือมีทั้งทหารจากกองกำลังบก กองทัพเรือและชุดปฏิบัติการพิเศษ แต่ยังสามารถระดมพลอีก 50,000 นาย เข้าสู่แนวหน้าได้อีก ชุดปฏิบัติการพิเศษของรัสเซียราว 40,000 นาย ของรัสเซีย ที่รวมทั้ง "สเปตส์นาซ" (Spetsnaz) และหน่วยข่าวกรอง (GRU) กำลังอยู่ระหว่างการซ้อมรบ เช่นเดียวกับทหารเบรารุส 40,000 นาย ที่อยู่ระหว่างการฝึกเพื่อเตรียมพร้อมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับทหารรัสเซีย และขนยุทโธปกรณ์ ได้แก่ รถถัง รถบรรทุกทหาารและเครื่องยิงจรวด เข้าร่วมด้วย
จากภาพถ่ายดาวเทียม พบว่า ทหารรัสเซีย 120,000 นาย ประจำการที่ปีกตะวันออกของยูเครน ส่วนกองทัพรถถังคุ้มกันที่ 1 (1st Guards Tank Army) กำลังเคลื่อนพลเข้าประชิด โดยอยู่ห่างราว 10 กิโลเมตร แต่รถถัง T-80U ของกองทัพรถถังคุ้มกันที่ 4 เข้าถึงพรมแดนแล้ว
เขี้ยวเล็บที่น่ากลัวอีกอย่างของรัสเซีย คือ ระบบขีปนาวุธพิสัยใกล้แบบอัตราจร อิสคันเดอร์-เอ็ม (Iskander-M) มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอ ที่แสดงให้เห็น เฮลิคอปเตอร์ โจมตี Ka-52 Alligators, Mi-8s และ Mi-24 อยู่ในหลายพื้นที่ทางตะวันตกของรัสเซีย ซึ่งทั้งซ้อมโจมตีและลำเลียงพล และยังมีระบบขีปนาวุธที่เชื่อว่าเป็น "บุ๊ค" (Buk) และเครื่องยิงจรวด "BM-27 Uragan" ด้วย ส่วนเครื่องบินรบ มีมากกว่า 100 ลำ รวมทั้งเครื่องบินรบความเร็วสูง ซูคอย ซู-25 (Sukhoi SU-25) และเครื่องบินรบหลายบทบาท "มิก-29" (MiG-29)
ส่วนยูเครน ได้ระดมทหารกองหนุนรักษาดินแดนหลายพันนาย เข้าร่วมการฝึกทำสงครามกองโจร กองทัพเรือ มีเรือฟรีเกตส์ 2 ลำ กับทหารบนเรือหลายพันนาย และคาดว่า จะมีนับรบราว 100,000 คน ที่ช่วยกันขุดสนามเพลาะเตรียมต่อสู้ สนับสนุนโดยรถปืนใหญ่ รถถัง ผู้เชี่ยวชาญด้านจรวดและอาวุธต่อต้านรถถัง ส่วนการป้องกันภัยทางอากาศ ใช้ ระบบขีปนาวุธ S-300F ราว 150 ลูก ติดตั้งบนเรือรบชั้นมอสควา มีพิสัยยิง 100 กิโลเมตร นอกจากนี้ ยังมีเรือฟรีเกตติดตั้งขีปนาวุธคาลิบร์ อย่างน้อย 50 ลูก สำหรับการโจมตีเป้าหมายบริเวณชายฝั่งและบนบก ส่วนที่เหลือยิงจากเรือลาดตระเวณตรวจการณ์ล่องหน คอร์เวตต์ (corvettes) และเรือดำน้ำ และยังมีเรืออื่นๆ ที่สามารถยิงปืนใหญ่ขนาดลำกล้อง 75 ม.ม.พิสัยยิง 20 กิโลเมตร