สื่อรายงานอ้างการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ 2 คนเมื่อวันเสาร์ที่ประเมินว่า รัสเซียสะสมกำลังทหารในบริเวณชายแดนติดกับยูเครนได้มากถึง 70% และคาดว่าจะพร้อมเคลื่อนพลบุกยูเครนอย่างเต็มรูปแบบได้ช่วงกลางเดือน ก.พ.
เจ้าหน้าที่ประเมินว่า สภาพอากาศจะหนาวเย็นและพื้นดินจะกลายเป็นน้ำแข็งตั้งแต่ช่วงกลางเดือน ก.พ.จนถึง สิ้นเดือน มี.ค. เหมาะสมกับการเคลื่อนย้ายอาวุธหนักชนิดต่าง ๆ
นอกจากนี้ยังมีการประเมินด้วยว่า ยูเครนอาจมีทหารบาดเจ็บหรือเสียชีวิต 5,000-25,000 นาย และรัสเซียอาจมีทหารบาดเจ็บหรือเสียชีวิตราว 3,000-10,000 นาย และอาจมีพลเรือนยูเครนสูญเสียเลือดเนื้อและชีวิตราว 25,000-50,000 คน รวมทั้งอีก 5 ล้านคนกลายเป็นผู้อพยพ
ขณะที่รัสเซียส่งทหารมากกว่า 100,000 นายไปตรึงกำลังบริเวณชายแดนติดกับยูเครนมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ยืนยันไม่มีแผนบุกยูเครน
ส่วนชาวยูเครนหลายพันคนรวมตัวเดินขบวนตามท้องถนนในเมืองคาร์คิฟ เมืองใหญ่อันดับสองของประเทศเมื่อวันเสารฺ โดยชูป้ายประท้วงที่มีข้อความว่า " คาร์คิฟ คือ ยูเครน " และ " หยุดการรุกรานของรัสเซีย " รวมทั้งโบกธงชาติและร้องเพลงชาติ
เมืองคาร์คิฟ ที่เป็นเมืองอุตสาหกรรมทางภาคตะวันออก อยู่ห่างจากชายแดนรัสเซียเพียง 42 กม. และประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ระบุว่า เมืองนี้อาจตกเป็นเป้าที่รัสเซียจะเข้ายึด แต่ต่อมาโฆษกประธานาธิบดี ชี้แจงว่า เป็นเพียงสมมติฐานเท่านั้น
ขณะที่สหรัฐฯ ส่งทหารจำนวนหนึ่งไปถึงโปแลนด์แล้วเมื่อวันเสาร์ตามคำสั่งของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่ให้เสริมกำลังทหารเกือบ 3,000 นายไปยังบางประเทศในยุโรปตะวันออกเพื่อเตรียมรับมือกับการเคลื่อนไหวทางทหารของรัสเซียใกล้ชายแดนยูเครน