27 มกราคม 2565 นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า ในฐานะผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อมเขต 9 หลักสี่-จตุจักร ได้เดินทางเข้าพบ นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี อดีตรองนายกรัฐมนตรี เพื่อขอพรก่อนการลงเลือกตั้งในวันที่ 30 ม.ค.นี้
โดยนายไตรรงค์ กล่าวว่า ทุกวันนี้ (27ม.ค.) ใครแพ้ชนะไม่มีความหมายในแง่ปริมาณ เพราะเสถียรภาพรัฐบาลก็ยังมีอยู่ ซึ่งมองว่าเป็นเรื่องของคุณภาพมากกว่า เพราะภาพพจน์ของสภาฯตกต่ำไปมาก ส.ส.หลายคนทำผิดไปเยอะ ประพฤติชั่วทั้งกาย วาจา ใจ วาจาทุจริต มโนทุจริต
"เมื่อเห็นว่าอยู่ต่างขั้ว ก็พูดอัดกันไม่มีความเกรงใจกัน มีการพูดโกหก กันในสภาฯหน้าตาเฉย คิดแต่คำพูดว่าด่าให้เจ็บกว่ากันชนะ ไม่มีสาระในการพูด มีการปล่อยข่าวกันเยอะ ทำให้สภาฯมีความเสียหาย ดังนั้น ต้องเลือกผู้แทนราษฎรที่มีคุณภาพ อะไรที่ทำดีก็ว่าดี อะไรที่ไม่ดีก็ต้องบอกว่าไม่ดีอย่างไรไม่ใช่ด่าเอาเป็นเอาตายและมีทางออกให้ด้วย" นายไตรรงค์ กล่าว
ทั้งนี้ เท่าที่รู้จักกับนายอรรถวิชช์ มาตลอดที่ทำการเมืองร่วมกัน เป็นคนพูดจามีเหตุผล ไม่หยาบคาย ไม่พูดเท็จ ไม่ส่อเสียด มีวิชาความรู้ในนระดับชาติ และดูแลคนในเขตตลอด ถ้าตนมีสิทธิ์เลือก ตนก็เลือกคนที่มีคุณภาพเป็นที่ประจักษ์ และก็จะเลือกนายอรรถวิชช์ จึงขอฝากประชาชนให้เลือกส.ส.ที่มีคุณภาพ และเชื่อว่ามีคนอีกจำนวนหนึ่ง ที่คิดเหมือนตนที่อยากเลือกคนที่มีคุณภาพ และอยากให้นายอรรวิชช์ได้รับเลือกตั้ง
"การเลือกตั้งเมื่อปี 62 นายอรรถวิชช์ไม่ได้แพ้เพราะฝีมือ แต่แพ้เพราะคนหมั่นไส้อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ออกมาบอกว่าไม่หนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แต่ในขณะนั้นคนที่มาเข้าร่วมชุมนุม กปปส. หวังพึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จะได้เป็นผู้นำประเทศ และให้พรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช้ระบอบกังฉิน เข้าในระบอบบ้านเมือง ทำให้คนใต้และคนกรุงเทพฯ โกรธพรรคประชาธิปัตย์ จึงสั่งสอนลงโทษหัวหน้าค่ายด้วยการไม่ลงคะแนนเสียงให้ ซึ่งผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งกรุงเทพฯและภาคใต้เป็นคนที่มีคุณภาพมาก" อดีตรองนายกฯ ระบุ
นายไตรรงค์ กล่าวด้วยว่า ส่วนตัวยังหวังว่าพรรคประชาธิปัตย์จะฟื้นในพื้นที่กรุงเทพฯ แม้ว่าพรรคจะไม่ส่งผู้สมัครลงสมาชิกพรรคยังคงผูกพันธ์กับอดีตส.ส.ของพรรค และขออวยพรให้นายอรรถวิชช์ชนะการเลือกตั้งในสนามนี้ ผลออกมาอย่างไรต้องเคารพการตัดสินใจของประชาชน พร้อมมองว่าขณะนี้ประชาชนไม่ได้เลือกพรรค ไม่ได้เลือกนโยบาย แต่เลือกบุคคลที่มีคุณภาพมากกว่า ส่วนพรรคกล้าจะไปรอดหรือไม่ก็ค่อยว่ากันทีหลัง
ด้านนายอรรถวิชช์ กล่าวว่า ท่ามกลางการเมืองที่แบ่งข้างมากเกินไป คนเลือกกัน 2 อย่าง คือ เลือกความเกลียดหรือความกลัว ตนจึงเลือกออกมาทำพรรคการเมืองเอง จึงอยากนำเสนอการเมืองมีคุณภาพและสร้างสรรค์ ซึ่งจะทำให้ไปสู่เป้าหมายชาติอย่างชัดเจน แต่ก็ไม่รู้ว่าอารมณ์การเสนอแนวทางนี้จะเดินได้หรือไม่ ตนจึงตัดสินใจลงสมัครครั้งนี้ด้วยตัวเอง แต่ยังเป็นห่วงเรื่องการซื้อสิทธิขายเสียง จึงอยากให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิให้มากเกิดกว่าร้อยละ 70 และการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งที่สื่อให้ความสนใจ ตนเชื่อว่าถ้าประชาชนออกมามากเท่าไหร่ แน่นอนว่าจะเป็นเสียงที่บริสุทธิ์