กองทัพบูร์กินาฟาโซประกาศเมื่อวันจันทร์ว่าได้โค่นล้มประธานาธิบดีรอช กาโบเร พ้นจากอำนาจ ยุบรัฐบาลและรัฐสภา ระงับรัฐธรรมนูญ และยึดอำนาจการบริหารประเทศ หลังจากเกิดการลุกฮือของทหารภายในค่ายบางแห่งในกรุงวากาดูกู เมืองหลวงเมื่อวันอาทิตย์ แต่สัญญาคืนอำนาจเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม
แถลงการณ์ของกองทัพที่ลงนามโดยพันโท ปอล-อองรี ซานดาโอกา ดามิบา ที่ได้รับการอ่านออกอากาศโดยทหารนายหนึ่งผ่านทางสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ ระบุเหตุผลของปฏิบัติการยึดอำนาจว่าเป็นเพราะสถานการณ์ความมั่นคงในประเทศที่เลวร้ายลง และประธานาธิบดีกาโบเรไร้ความสามารถในการสร้างเอกภาพภายในประเทศ และไม่สามารถรับมือกับความท้าทายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งรวมถึง ความรุนแรงจากฝีมือกลุ่มมุสลิมติดอาวุธ
นอกจากนี้แถลงการณ์ระบุด้วยว่า การยึดอำนาจครั้งนี้ไม่ก่อให้เกิดความรุนแรง และผู้ถูกจับกุมอยู่ในสถานที่ปลอดภัย นอกจากนี้ยังสั่งปิดพรมแดนของประเทศด้วย แต่ยังไม่มีรายละเอียดว่า ประธานาธิบดีกาโบเรถูกควบคุมตัวไว้ที่ใด หลังจากมีกระแสข่าวสับสนเกี่ยวกับชะตากรรมของเขา
การรัฐประหารเกิดขึ้นเพียงหนึ่งวันหลังจากทหารนอกแถวเข้ายึดค่ายทหารบางแห่ง และมีเสียงปืนดังสนั่นในกรุงวากาดูกู โดยรถกันกระสุนในขบวนของประธานาธิบดีที่จอดใกล้ทำเนียบมีรอยพรุนจากกระสุนปืน และคันหนึ่งมีคราบเลือดด้วย และทหารที่ลุกฮือเหล่านี้เรียกร้องให้ปลดนายทหารระดับสูง ขอเพิ่มกำลังพลและยุทโธปกรณ์ในการต่อสู้กับกลุ่มติดอาวุธที่เกี่ยวพันกับเครือข่ายไอเอส และอัลไกดา
ขณะที่พรรคเคลื่อนไหวเพื่อประชาชนก้าวหน้า หรือ พีเอ็มพี ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล ระบุก่อนหน้านี้ว่า ประธานาธิบดีกาโบเรและรัฐมนตรีคนหนึ่งรอดตายจากความพยายามลอบสังหาร
และกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงว่า ได้ทราบข่าวว่า ประธานาธิบดีกาโบเรถูกกองทัพควบคุมตัวไว้ และเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวเขา แต่บอกว่า ยังเร็วเกินไปที่จะระบุว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในบูร์กินาฟาโซเป็นอย่างไรหลังจากถูกผู้สื่อข่าวซักถามว่า สหรัฐฯมองว่าเป็นการก่อรัฐประหารหรือไม่
ขณะที่บูร์กินาฟาโซกลายเป็นชาติแอฟริกาตะวันตกรายที่ 3 ที่เกิดเหตุการณ์กองทัพเข้ายึดอำนาจในช่วงเกือบ 2 ปีนี้ตามหลังกินี และมาลี และที่ผ่านมาบูร์กินาฟาโซเคยเผชิญการก่อรัฐประหารหลายครั้งแล้ว หลังได้รับเอกราชจากฝรั่งเศสในปี 2503