นายวรนัยน์ วาณิชกะ หัวหน้าพรรครวมไทยยูไนเต็ด โพสต์เฟสบุ๊คระบุว่า สมัยที่เป็นนักวิจารณ์การเมืองในสื่อหนังสือพิมพ์แห่งหนึ่ง ไม่ว่ารัฐบาลไหน ก็โทรมาเตือนบ่อยครั้งว่า “เบาๆหน่อย” แต่ทาง บ.ก. ก็เป็นด่านป้องกันให้ด้วยการตอบกลับไปว่าต้องยึดมั่นในจรรยาบรรณของสื่อ คือ สิทธิเสรีภาพของการแสดงออกและตรวจสอบผู้มีอำนาจ เพื่อสร้างความสมดุลย์ทางอํานาจ ระหว่างรัฐกับประชาชน ซึ่งหากมี บ.ก. ดีและปกป้อง สื่อก็ทํางานได้อย่างซื่อสัตย์ และสุจริต แต่คําถามคือ ทําไมผู้มีอำนาจจึงพยายามควบคุมสื่อ? เพราะผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนมีเสรีภาพในการเสนอข่าวสารหรือการแสดงความคิดเห็นตามจริยธรรมสื่อมวลชน แต่การใช้เสรีภาพนั้นต้องไม่ขัดต่อหน้าที่ของปวงชนชาวไทยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
“ในรัฐประชาธิปไตย สื่อมีหน้าที่ตรวจสอบอำนาจรัฐ แต่ในรัฐเผด็จการ สื่อคือลำโพงของรัฐ มีหน้าที่โฆษณาชวนเชื่อให้ผู้มีอำนาจ ส่วนในรัฐเผด็จการแต่แอบอ้างประชาธิปไตย รัฐจะใช้อำนาจกฎหมายเพื่อควบคุมสื่อ อย่างเช่น อาทิตย์ที่แล้ว หรือวันที่ 11 ม.ค. ที่ผ่านมา ครม. ผ่านร่าง พ.ร.บ.“ส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน” นัยยะสำคัญคือ” นายวรนัยน์ กล่าว
นายวรนัยน์ กล่าวต่อว่า ตนเป็นอาจารย์สอน การสื่อสารทางการเมือง ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ถ้าวันนี้มีคลาสก็จะวิเคราะห์กับนักศึกษาว่า มี 3 วาทกรรมสวยงามที่ผู้มีอำนาจมักเอามาใช้เพื่อหลอกลวงสังคม คือ “เสรีภาพ” “จริยธรรม” “ศีลธรรมอันดี” แต่ “เสรีภาพ” และ “จริยธรรม” ถูกกำหนดโดย “ศีลธรรมอันดี” และ “ศีลธรรมอันดี” จะถูกกำหนดโดย "สภาวิชาชีพสื่อมวลชน" และ คณะกรรมการสภาวิชาชีพสื่อมวลชน ซึ่งบุคลากรจะเป็นผู้ที่อยู่ในโอวาทของภาครัฐ เพราะฉะนั้น นี่คือวิธีที่ภาครัฐจะควบคุมสิทธิเสรีภาพสื่อ และดัดแปลงสื่อให้เป็นลำโพงของรัฐ และเอาความปลิ้นปล้อนไม่เป็นธรรมนี้ ขายกับสังคมว่า นี่แหละคือ “ศีลธรรมอันดีของประชาชน”
นายวรนัยน์ ยังกล่าวต่อด้วยว่า ถ้าพรรครวมไทยยูไนเต็ดเป็นรัฐบาล เราจะปกป้องสิทธิสื่อ เพราะสื่อนี่แหละจะตรวจสอบเพื่อไม่ให้เราหลงระเริงในอำนาจ และจะยุบศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม เพราะในประเด็นข่าวปลอม สื่อและสังคมสามารถค้านกันเองได้ ตรวจสอบกันเองได้ ในยุคโซเชี่ยล มีข่าวปลอมมา เพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงโซเชียลก็ขุดความเป็นจริงมาได้แล้ว พอกันทีกับยุคอำนาจรัฐที่แทรกแซงสื่อ !