ยิ่งใกล้โค้งสุดท้ายเท่าใด ยิ่งต้องจับตามากขึ้นเท่านั้น สำหรับการเลือกตั้งซ่อม ส.ส. เขต 1 จ.ชุมพร และเขต 6 จ.สงขลา ในวันที่อาทิตย์ที่ 16 ม.ค. นี้ และช่วงปลายเดือน วันที่ 30 ม.ค. กับการเลือกตั้งซ่อมเขต 9 กทม. (หลักสี่-จตุจักร) ซึ่งถือเป็นขับเคี่ยวจากพรรคการเมืองขนาดใหญ่ โดยเฉพาะจากพรรคฝั่งรัฐบาลด้วยกันเอง เพื่อชิมลางวัดความนิยมก่อนการเลือกตั้งใหญ่ในอนาคต ท่ามกลางกระแสข่าวการแข่งขันที่รุนแรง ถึงขนาดมีการใช้อำนาจรัฐ อำนาจเงิน เข้ามาใช้
กรณีที่เกิดขึ้น นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำเครือข่ายไล่ประยุทธ์ (อ.ห.ต.) และอดีตแกนนำ นปช. ได้แสดงความคิดเห็นผ่านเฟซบุ๊ก นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ วันนี้ (14 ม.ค.) โดยระบุว่า
นอกจากปัญหาหมูแพง ไก่แพง ของแพง ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่มากแล้ว ยังมีเรื่องใหญ่อีกเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นคือ
“คนแพง”
การเลือกตั้งซ่อมที่ชุมพร สงขลา และ กรุงเทพฯ พรรคการเมืองที่ลงแข่งส่งเสียงว่ามีการใช้อำนาจรัฐ อำนาจเงิน อย่างหนัก
ทางใต้ประชาธิปัตย์พรรคร่วมรัฐบาลโวย กรุงเทพฯ พรรคกล้าแนวร่วมฝ่ายรัฐระบุตัวเลขว่า จ่ายกันหัวละ 3,000 บาท ข่าวทีวีบางช่องบอกได้ยินว่าบางพื้นที่หัวละ 5,000 บาท
สงขลาประชาธิปัตย์แข่งกับพลังประชารัฐ กรุงเทพฯ พลังประชารัฐเป็นแชมป์เก่า ทั้งพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคแนวร่วมพูดแบบนี้ แปลว่าคนใช้อำนาจรัฐและจ่ายเงินซื้อเสียงคือใคร ?
หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐยืนยันว่าไม่ได้ซื้อ แต่พรรคอื่นซื้อหรือเปล่าไม่รู้ ยิ่งสนุกกันใหญ่
พล.อ.ประยุทธ์ เสียสละยึดอำนาจ และกัดฟันเสียสละต่อเนื่องสืบทอดอำนาจมาแล้ว 8 ปี เป็นรัฐบาลคนดีภายใต้รัฐธรรมนูญปราบโกง คำถามคือคนที่ยังสนับสนุนรัฐบาลคิดอย่างไร
ไม่เชื่อ ประชาธิปัตย์ใส่ร้าย พรรคกล้าป้ายสี โกหกหน้าด้านๆ หรือ ซื้อเสียงกันก็ไม่เห็นเป็นไร เพราะนายกฯเป็นคนดี ?
หรือนี่คือปฏิรูปก่อนเลือกตั้งที่เคยเป่านกหวีดกัน ประชาธิปไตยสุจริต แต่พรรครัฐบาลกล่าวหากันเองเรื่องซื้อเสียง แล้วก็อยู่ด้วยกันต่อ สุดยอดแล้วประเทศไทย
สังคมที่ราคาคนแพงในสนามเลือกตั้ง ราคาความเป็นมนุษย์ของประชาชนจะยิ่งต่ำ อนาคตมีแต่ความมืดดำ
ของแพงชาวบ้านจ่าย คนแพงใครจ่าย แล้วไอ้พวกที่จ่ายมันต้องการอะไร