"สมชัย"ของเสียงประชาชาติร่วมปิดสวิตช์ส.ว.เลือกนายกฯ

12 มกราคม 2565 นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และคณะผู้รณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 การตัดอำนาจสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ในการเลือกนายกรัฐมนตรี เข้าพบ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคประชาชาติ เพื่อขอเสียงสนับสนุน ส.ส.ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หลังจากได้เข้าพบ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ เตมียเวศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย และ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย มาแล้ว

โดย นายสมชัย กล่าวว่า รัฐธรรมนูญ 2560 มีหลายจุดที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ต้องมีการแก้ไข แต่ถ้าทำหลายเรื่องต้องใช้เวลาและอาจไม่ได้รับความร่วมมือ จึงชูการแก้ไขมาตรา 272 ในการตัดอำนาจ ส.ว.เลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งส่วนตัวได้ยื่นเรื่องต่อสภาผู้แทนราษฎรแล้ว และขอเวลารวบรวมรายชื่อประชาชนไปยื่นอีกครั้ง อย่างน้อย 50,000 รายชื่อ แต่ตั้งใจว่าตลอดช่วง 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 17 ม.ค.-16 เม.ย. 65 ตั้งเป้าให้ได้อย่างน้อย 70,000 รายชื่อ และส่งสภาเพื่อบรรจุวาระการประชุมให้ทันสมัยประชุมที่ 1/2565

"ขณะนี้แม้ยังไม่เริ่มเปิดตัว ก็มีประชาชนให้การสนับสนุนมากจนน่าตกใจ 2 วันที่ผ่านมามีผู้ร่วมลงชื่อแล้ว 19,273 รายชื่อ ดังนั้น จึงขอความร่วมมือจากพรรคประชาชาติ หากมีช่องทางสื่อสารถึงสมาชิกพรรค หรือประชาชนขอให้ช่วยนำเสนอเรื่องนี้ด้วย และเมื่อกฎหมายเข้าสภาแล้ว ขอเสียงสนับสนุนจาก ส.ส.ทั้ง 6 คนของพรรค ให้ลงมติรับหลักการในวาระที่ 1 , 2 และ 3 เพื่อให้กฎหมายผ่าน และทันต่อการเลือกตั้งครั้งต่อไป" นายสมชัย กล่าว

อย่างไรก็ตาม โดยการเปิดตัวกิจกรรมการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะมีขึ้นในวันที่ 17 ม.ค. 65 ที่มหาวิทยาลัยรังสิต ทั้งนี้ เมื่อเดินสายพบพรรคการเมืองแล้ว จะไปพบ ส.ว. 56 คน ที่เคยให้การสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับไอลอว์ ต่อไป

ด้าน พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า พรรคยินดีและพร้อมสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย ซึ่งที่ผ่านมาช่องทางของ ส.ส. ไม่ประสบความสำเร็จ แต่ตอนนี้ถือเป็นช่องทางการแก้ไขของประชาชน

สำหรับรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 ระบุว่า ในระหว่าง 5 ปีแรก นับแต่วันที่มีรัฐสภาชุดแรกตามรัฐธรรมนูญนี้ การให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ให้ดําเนินการตามมาตรา 159 เว้นแต่ การพิจารณาให้ความเห็นชอบตามมาตรา 159 ่วรรคหนึ่ง ให้กระทําในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา และมติที่เห็นชอบการแต่งตั้งบุคคลใดให้เป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 159 วรรคสาม ต้องมีคะแนนเสียง มากกว่ากึ่งหนึ่งของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้ง 2 สภา