วุฒิสภาสหรัฐฯ ลงมติเมื่อวันพฤหัสบดี ด้วยคะแนนเสียง 75 ต่อ 18 เสียงเห็นชอบการแต่งตั้งนายนิโคลัส เบิร์นส์ อดีตเอกอัครราชทูตประจำองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือหรือนาโต และปลัดกระทรวงต่างประเทศ เป็นเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำจีนคนใหม่
เบิร์นส์เป็นนักการทูตมืออาชีพ ที่เคยทำงานทั้งในสมัยรัฐบาลของพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกัน และการที่ไบเดนเลือกเขาเป็นเอกอัครราชทูตประจำจีน ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญเพราะที่ผ่านมา ผู้ที่ได้รับตำแหน่งนี้มักเป็นอดีตนักการเมือง ไม่ใช่นักการทูตมากประสบการณ์
เบิร์นส์ได้รับการเสนอชื่อตั้งแต่เดือน ส.ค. แต่การลงมติรับรองการแต่งตั้งล่าช้าด้วยปัจจัยหลายอย่าง รวมถึงความขัดแย้งเรื่องการลงมติอนุมัติร่างกฎหมาย ที่ห้ามนำเข้าสินค้าจากเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์
แต่ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเขาจะเดินทางไปจีนเมื่อใด หรือไปช่วงก่อนการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวที่จะจัดขึ้นในกรุงปักกิ่งในเดือน ก.พ. หรือไม่ โดยก่อนหน้านี้ทำเนียบขาวประกาศเมื่อวันที่ 7 ธ.ค. ว่าจะไม่มีการส่งเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ ไปร่วมกีฬาโอลิมปิกที่ปักกิ่ง โดยอ้างเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงในเขตซินเจียงอุยกูร์
การลงมติรับรองนายเบิร์นส์ มีขึ้นหลังจากวุฒิสภาลงมติเมื่อวันพฤหัสบดี อนุมัติร่างกฎหมายป้องกันบังคับใช้แรงงานอุยกูร์ โดยห้ามซื้อและจำหน่ายสินค้าที่ผลิตในเขตซินเจียงอุยกูร์ โดยเชื่อว่าสินค้าถูกผลิตจากการบังคับใช้แรงงาน และบริษัทสหรัฐฯ ที่จะนำเข้าสินค้าจากซินเจียงต้องพิสูจน์ว่า สินค้าไม่ได้ผลิตจากการบังคับใช้แรงงาน
ร่างกฎหมายผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรก่อนหน้านี้แล้ว และหลังจากผ่านมติของวุฒิสภาก็รอเพียงประธานาธิบดีโจ ไบเดน ลงนามให้มีผลบังคับใช้ ซึ่งทำเนียบขาวเปิดเผยว่าประธานาธิบดีจะลงนาม แต่ร่างกฎหมายฉบับนี้เผชิญเสียงวิจารณ์จากบริษัทยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ หลายแห่ง ที่ทำธุรกิจในซินเจียง เช่น โคคา-โคลา ไนกี้ และแอปเปิล