ซุน ไห่หยาง กับ เผิง สีหยิง เล่าว่าเดิมพวกเขาเป็นชาวเมืองเจี้ยนลี่ มณฑลหูเป่ย ส่วนซุน โจว ลูกชายเกิดเมื่อปี 2546 เมื่อลูกชายอายุได้ 4 ขวบ พวกเขาก็ขยับขยายไปตั้งถิ่นฐานใหม่ที่เสิ่นเจิ้นเมื่อปี 2550 โดยเปิดร้านขายซาลาเปา ด้วยความหวังว่าจะให้ลูกชายได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้น แต่ในวันที่ 9 ตุลาคม ของปีเดียวกัน ซุน โจว ก็ถูกชายแปลกหน้าเอาของเล่นกับขนมมาล่อ และลักพาตัวไปในขณะที่เล่นอยู่หน้าบ้าน แต่ซุน ไห่หยาง กับภรรยายังคงเปิดร้านซาลาเปาต่อไปและตามหาลูกชายไปด้วย เขาไม่เคยละความพยายามและขายทรัพย์สินที่มี เพื่อตั้งเงินรางวัลแก่ผู้ที่พบลูกชายจำนวน 200,000 หยวน เขายังช่วยเหลือพ่อแม่คนอื่นที่ลูกหาย ที่รวมทั้งทำงานร่วมกับตำรวจและสื่อ
หลังการสืบสวนที่ไม่ลดละของตำรวจและความร่วมมือขององค์กรต่าง ๆ ทำให้ซุน ไห่หยางและภรรยาได้พบหน้าลูกชายอีกครั้งหลังจากกันไปนานถึง 14 ปี ซึ่งซุน ไห่หยาง ร้องไห้อย่างหนักในขณะเข้าสวมกอดลูกชาย ราวกับว่าจะไม่ยอมละสายตาไปจากลูกชายอีกเลย แต่เหมือนโชคชะตาเล่นตลกกับเขา เพราะแม้เรื่องจะจบลงอย่างแฮปปี้ที่ได้พบลูกชาย แต่ก็หักมุมเมื่อลูกชายที่ขณะนี้มีวัย 18 ปี แล้ว ไม่ต้องการที่จะกลับไปอยู่กับพ่อแม่ผู้ให้กำเนิด ทำให้เขากับภรรยาต้องหัวใจสลายอีกครั้ง
ลูกชายของเขาได้ย้ำความรู้สึกผิดที่ว่าเขาไม่อยากกลับไปอยู่กับพ่อแม่ หลังจากใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่กับพ่อแม่บุญธรรมไปแล้ว เขาให้สัมภาษณ์ CCTV ว่า
"ตอนนี้ผมมีบ้านใหม่แล้ว แต่ทั้งสองบ้านก็ยังเป็นพ่อแม่ของผม"
ที่จริงซุน ไห่หยางและภรรยายังมีลูกชายวัย 8 ขวบ อีกคนหนึ่ง แต่ไม่เคยบอกลูกว่าเขายังมีพี่ชายอีกคนหนึ่ง ขณะที่ตัวเขาตรวจสอบเบาะแสทุกอย่าง เขาบอกด้วยว่าเขาจะผิดหวังที่ไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ และยังมีความสุขมากกว่าแม้ว่าโทรศัพท์ที่โทรเข้ามาจะเต็มไปด้วยถ้อยคำโกหกเพื่อหวังเงินรางวัล แต่อย่างน้อยก็ช่วยให้เขามีความหวังแม้จะริบหรี่ก็ตาม การกลับมาพบหน้าลูกของเขาเป็นความสำเร็จของตำรวจกวางตุ้ง ชานตง และหูเป่ย ที่สามารถแกะรอยและจับผู้ต้องสงสัยได้ 9 คน และยังพบเด็กชายที่ถูกลักพาตัวอีก 2 คน ที่ถูกระบุเพียงว่าแซ่ฟู่กับแซ่หยาง