นักบินคาเธ่ย์แปซิฟิกขอความเห็นใจ ปีเดียวโดนกักโรคไป 150 วัน
2 นักบินของสายการบินคาเธ่ย์แปซิฟิก สายการบินหลักของฮ่องกงออกมาบ่นว่ามาตรการที่เข้มงวดในการควบคุมการระบาดของโควิด-19 ของฮ่องกง ทำให้ปีนี้ โดยหลักแล้วพวกเขาทำแค่ขับเครื่องบินกับถูกกักโรค
ฮ่องกงเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการบินที่ใหญ่ที่สุดในโลก และก็ยังมีกฎระเบียบเกี่ยวกับไวรัสโคโรนาที่เข้มงวดที่สุดในโลกด้วย นักบิน 2 คนบอกว่ากฎเหล่านี้ส่งผลต่อสุขภาพจิตของพวกเขาอย่างไร และทำให้ชีวิตส่วนตัวของพวกเขาเต็มไปด้วยความตึงเครียด พวกเขาบอกว่า “คุณอยู่ในสถานะของการกักโรคถาวร”
ปิแอร์ นักบินของสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิก ซึ่งเป็นสายการบินหลักของฮ่องกง ต้องใช้เวลาอยู่อย่างโดดเดี่ยวในปีนี้เกือบ 150 วัน
แม้ว่าฮ่องกงจะแทบไม่พบกรณีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาในพื้นที่ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา แต่ฮ่องกงก็กำหนดมาตรการทดสอบและการกักโรคอย่างกว้างขวาง ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายปลอดโควิดของจีนแผ่นดินใหญ่
และนักบินก็ไม่ได้รับการยกเว้นจากกฎเหล่านี้ ซึ่งก็หมายความว่าพวกเขาต้องใช้เวลาส่วนมากในการทำงานหรือไม่ก็ถูกกักโรค
มาตรการที่เข้มงวดเหล่านี้เริ่มต้นตั้งแต่ที่สนามบิน
นักเดินทางขาเข้าระหว่างประเทศทั้งหมดต้องทำการทดสอบการติดโควิด-19 เมื่อมาถึงที่สนามบินฮ่องกง และถูกกักโรคแม้ว่าจะมีผลตรวจเป็นลบก็ตาม พวกเขาต้องรอผลการทดสอบ ซึ่งจะออกในวันเดียวกันก่อนที่จะดำเนินการตามขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมือง
คลาร์ก นักบินอีกคนหนึ่งของสายการบินบอกว่า " ลูกเรืออยู่บนเครื่องบินนานกว่า 25 ชั่วโมง บางครั้งอาจเกือบถึง 30 ชั่วโมงหากมีความล่าช้า พวกเขาต้องนั่งบนเก้าอี้พลาสติกและไม่สามารถหลับได้ เพื่อรอการทดสอบหาเชื้อ กระบวนการทั้งหมดใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงนับจากเวลาที่คุณลงจอดจนถึงเวลาที่คุณกลับถึงบ้าน”
หากผลตรวจเป็นลบ พวกเขาก็จะได้กลับบ้าน แต่ก็ยังไม่ได้เป็นอิสระ
ใน 3 วันแรกหลังการมาถึงฮ่องกง ลูกเรือจะต้องอยู่บ้าน พวกเขาสามารถออกไปได้ไม่เกิน 2 ชั่วโมงต่อวันเพื่อเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด หรือเพื่อกิจกรรมที่จำเป็นเท่านั้น
ลูกเรือต้อง "หลีกเลี่ยงการพบปะทางสังคมโดยไม่จำเป็น" ต่อไปอีก 18 วัน และต้องทำการทดสอบต่อไปทุกวัน
คลาร์กบอกว่า “ ผมไม่คิดว่าสิ่งนี้จะยุติธรรมหรือสมเหตุสมผลในทางใดทางหนึ่ง มันยอมรับไม่ได้โดยสิ้นเชิง"
เมื่อนักบินมีผลตรวจเป็นบวก หรือในกรณีของปิแอร์ ที่ถูกตีตราว่ามีการสัมผัสใกล้ชิดของผู้ติดเชื้อ พวกเขาจะถูกส่งไปยังโรงพยาบาลหรือสถานกักกันโรค เช่นศูนย์ Penny's Bay ที่มีการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องสภาพความเป็นอยู่
ปิแอร์บอกว่าการอยู่ใน Penny's Bay นั้นเหมือนกับการ " ถูกขังเดี่ยว" ในห้องคับแคบที่ "ไม่มีแสงแดด"
“ผมมองไม่เห็นต้นไม้เลย แม้แต่ใบหญ้าเพียงใบเดียวก็ไม่เห็น”
ครอบครัวของผู้ติดเชื้อและผู้ใกล้ชิดก็ถูกบังคับให้อยู่ในสถานพยาบาลด้วย รวมถึงเด็กและสตรีมีครรภ์
ลูกเรือต่างชาติที่บินเข้าฮ่องกงก็อยู่ภายใต้กฎเหล่านี้เช่นกัน หลังจากรายงานว่าลูกเรือของสายการบินบริติช แอร์เวย์จำนวนมากขึ้น ถูกกักตัวอยู่ที่ Penny's Bay สายการบินก็เพิ่งระงับเที่ยวบินมาฮ่องกงโดยบอกว่าพวกเขากำลัง "ทบทวนข้อกำหนดในการปฏิบัติงานสำหรับเส้นทางนี้"
แต่ข้อจำกัดต่าง ๆ ก็ยังไม่สิ้นสุดแม้ว่านักบินของคาเธ่ย์ จะอยู่ในต่างประเทศ พวกลูกเรือก็ยังต้องปฏิบัติตามกฎการแยกตัวที่เข้มงวดของสายการบินในขณะที่ต้องหยุดพักในประเทศอื่นๆ
“คุณต้องตรงจากห้องของคุณไปที่เครื่องบินเลย บินแล้วตรงกลับไปที่ห้องของคุณ และคุณจะล็อคอยู่ในห้องของคุณจนกว่าคุณจะได้ออกไปอีกครั้ง” ปิแอร์บอก
เมื่อถึงโรงแรมแล้ว พวกเขาจะต้องอยู่ในห้องพักตลอดระยะเวลาที่แวะพัก รวมทั้งเวลาอาหาร
“อาหารถูกส่งไปที่ห้องของคุณ คุณเปิดประตู รับอาหาร กินในห้องอยู่คนเดียว” เขาบอก
“มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่ข้างนอกประตูห้องคุณ ดังนั้นคุณจึงไม่สามารถก้าวเข้าไปในโถงทางเดินได้ เราถูกกักโรคตั้งแต่ที่เราที่ปรากฏตัวในที่ทำงาน จนกระทั่งเรากลับถึงฮ่องกง”
ในการตอบสนองต่อคำร้องเกี่ยวกับความคับข้องใจของนักบิน สายการบินคาเธ่ย์แปซิฟิกได้ย้ำถึงการสนับสนุนมาตรการโรคของรัฐบาลฮ่องกง โดยบอกว่า "ความปลอดภัยและสวัสดิภาพของลูกค้า พนักงาน และชุมชนยังคงเป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญสูงสุด"
"เราเตือนลูกเรือของเราอย่างสม่ำเสมอถึงความสำคัญอย่างยิ่งในการปฏิบัติตามมาตรการต่อต้านการแพร่ระบาดทั้งในฮ่องกงและต่างประเทศ"
ส่วนสภาพของศูนย์กักโรค Penny's Bay สายการบินบอกว่ากำลังพยายามอย่างเต็มที่เพื่อ "ช่วยเหลือทุกคนที่ได้รับผลกระทบ" โดยย้ำว่า Penny's Bay เป็น "สถานที่ราชการกำหนดให้ใช้ "
"เราได้ขยายการสนับสนุนโดยใช้ทรัพยากรจากฝ่ายต่าง ๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งทุกอย่างทุกอย่างตั้งแต่เครื่องใช้ไฟฟ้า สิ่งอำนวยความสะดวก และเสบียงอาหารเพิ่มเติม เพื่อให้กับผู้คนที่นั่น เพื่อช่วยให้การเข้าพักของพวกเขาสะดวกสบายที่สุด"
คาเธ่ย์แปซิฟิกบอกว่ารับทราบ "ภาระ" ที่ลูกเรือของพวกเขาแบกรับไว้
สายการบินบอกว่า“นักบินที่รู้สึกไม่เหมาะที่จะบินไม่ว่าด้วยวิธีใด สามารถแจ้งเรื่องนี้ต่อทีมผู้บริหารได้โดยไม่ต้องกลัวอันตราย และได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายในสิทธิขอการประกาศว่าตนเองไม่เหมาะที่จะปฏิบัติหน้าที่”
