เมื่อวันพุธ ( 1 ธันวาคม ) เกาหลีใต้ มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 มากกว่า 5,000 รายเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ที่มีการระบาดในประเทศเมื่อปีก่อน
รายงานสถานการณ์ของสำนักงานควบคุมและป้องกันโรคของเกาหลีใต้ ระบุว่ามีผู้ป่วย 5,123 คน และผู้เสียชีวิต 34 รายที่ได้รับการยืนยันใหม่ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ซึ่งมากกว่าสถิติผู้ป่วย 4,115 รายของวันที่ 24 พ.ย.
จำนวนผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลด้วยโรคโควิด-19 ขั้นรุนแรงหรือวิกฤตก็แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เช่นกันที่ 723 ราย
ตามข้อมูลล่าสุดจากกระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการ ที่ดูแลเรื่องเตียงสำหรับผู้ป่วยโควิด-19 ในกรุงโซลและบริเวณใกล้เคียงเกือบ 90% ของเตียงผู้ป่วยวิกฤตถูกครอบครองในช่วงบ่ายวันอังคาร
ยอดรวมสูงสุดในวันเดียวเกิดขึ้น 1 เดือนพอดี หลังจากที่ประเทศผ่อนปรนข้อจำกัดด้านการระบาดครั้งใหญ่ที่สุด ซึ่งเป็นขั้นตอนแรกจาก 3 ขั้นตอนของการกลับสู่ภาวะปกติเมื่อวันที่ 1 พ.ย.
ตามการคาดการณ์ใหม่โดยนายแพทย์จุง แจฮุน ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ป้องกัน หากเกาหลียังคงยึดถือนโยบายปัจจุบันที่มีเป้าหมายในการทำให้ชีวิตกลับเป็นปกติ ผู้ป่วยรายวันอาจถึง 10,000 รายภายในสิ้นเดือนมกราคม
จุง ซึ่งเป็นที่ปรึกษาด้านนโยบายโควิด-19 ที่สำนักนายกรัฐมนตรี บอกในการประชุมเมื่อวันที่ 30 พ.ย. ซึ่งจัดโดย National Academy of Medicine of Korea ว่าจำเป็นต้องมีมาตรการบางอย่างในการลดความเสียหายให้น้อยที่สุด
“นับตั้งแต่มีการถือกำเนิดของไวรัสกลายพันธุ์เดลต้า การควบคุมการระบาดด้วยการฉีดวัคซีนเพียงอย่างเดียวกลายเป็นเรื่องยาก” ซึ่งเรื่องนี้ตรงกันข้ามกับเหตุผลที่รัฐบาลให้ไว้เมื่อประเทศเปลี่ยนไปสู่ภาวะปกติเมื่อหนึ่งเดือนก่อน
เกาหลียุติข้อจำกัดที่เกี่ยวข้องกับโรคระบาดส่วนใหญ่เมื่อต้นเดือนนี้ตามโครงการ "กลับสู่ภาวะปกติ" หลังจากฉีดวัคซีนให้ประชากรทั้งหมดครบ 70 เปอร์เซ็นต์ ในขณะนั้นกระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการบอกว่าความครอบคลุมของวัคซีนจะช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในการตอบสนองต่อโควิด-19 ของประเทศ
ในงานแถลงข่าวที่จัดขึ้นในวันเดียวกัน สมาคมเวชศาสตร์การดูแลผู้ป่วยวิกฤตแห่งเกาหลี บอกว่าการจัดสรรทรัพยากรมากขึ้น เพื่อการดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ทำให้ผู้ป่วยอื่น ๆ สูญเสียโอกาสในการรับการรักษา
ในขณะเดียวกัน อัตราการฉีดวัคซีนครบโดสในทั่วประเทศก็เกิน 80 เปอร์เซ็นต์ ในกลุ่มผู้ใหญ่อายุ 18 ปีขึ้นไป อัตราสูงขึ้นมากถึง 91 เปอร์เซ็นต์