20 เมืองค่าครองชีพแพงที่สุดในโลก 2564
ปัญหาน้ำมันแพง การระบาดของโรคระบาด ทำให้ค่าครองชีพของหลายเมืองใหญ่ทั่วโลกแพงขั้น แต่มีเมืองหนึ่งที่ขยับขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ครั้งแรกในปีนี้ และเป็นการกระโดดขึ้นมาถึง 5 อันดับ
ผลการวิจัยใหม่ที่เผยแพร่เมื่อวันพุธ ( 30 พฤศจิกายน ) ระบุว่าการสะดุดของห่วงโซ่อุปทานและความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง ได้ผลักดันค่าครองชีพในเมืองใหญ่ ๆ หลายแห่งของโลก ขณะที่อัตราเงินเฟ้อก็เร็วที่สุดเป็นประวัติการณ์ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
แต่มีเมืองหนึ่งที่ประสบกับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วกว่าทั้งหมด เมื่อกระโดดจากอันดับที่ 5 มาอยู่ที่อันดับ 1 ในดัชนีค่าครองชีพทั่วโลกของปีนี้ที่เผยแพร่โดย Economist Intelligence Unit หรือ EIU
เมืองเทลอาวีฟของอิสราเอลครองอันดับ 1 เป็นครั้งแรก แซงหน้ากรุงปารีส ผู้นำของปี
ที่แล้ว ซึ่งตอนนี้ลงไปรั้งอันดับ 2 ร่วมกับสิงคโปร์
EIU ระบุว่าดัชนีที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของเทลอาวีฟนั้นมาจากราคาสินค้าอุปโภคบริโภค และค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้น และค่าเงินเชเกลของอิสราเอลที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ
ดัชนีค่าครองชีพทั่วโลกปี 2564 เป็นการติดตามค่าครองชีพในเมืองต่าง ๆ ทั่วโลก 173 เมือง ซึ่งเพิ่มมากกว่าปีที่แล้ว 40 เมือง และเปรียบเทียบราคาของผลิตภัณฑ์และบริการในชีวิตประจำวันมากกว่า 200 รายการ
ข้อมูลสำหรับการสำรวจซึ่งดำเนินการมานานกว่า 3 ทศวรรษ ถูกรวบรวมโดยทีมนักวิจัยทั่วโลกของ EIU ทุกเดือนมีนาคมและกันยายน
ดัชนีนี้ถูกนำมาเปรียบเทียบกับราคาในนิวยอร์กซิตี้ ดังนั้นเมืองที่มีสกุลเงินที่แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ก็มีแนวโน้มที่จะปรากฏในอันดับที่สูงขึ้น
ซูริกและฮ่องกงที่อยู่ในอันดับที่ 4 และ 5 ตามลำดับ เคยครองตำแหน่งสูงสุดปีที่แล้วร่วมกับปารีส ส่วนนิวยอร์ก เจนีวา โคเปนเฮเกน ลอสแองเจลิส และโอซากา ติด 10 อันดับแรกที่เหลือ
ผู้รั้งอันดับด้านบนยังคงเมืองในยุโรปและเอเชียของประเทศพัฒนาแล้ว เมืองที่มีอันดับต่ำที่สุดส่วนใหญ่อยู่ในตะวันออกกลาง แอฟริกา และส่วนที่ร่ำรวยน้อยกว่าของเอเชีย
EIU รายงานว่าโดยเฉลี่ยแล้ว ราคาสินค้าและบริการที่ดัชนีพูดถึง ได้เพิ่มขึ้น 3.5% เมื่อเทียบกับการเพิ่มขึ้นเพียง 1.9% ในช่วงเวลานี้ของปีที่แล้ว
ปัญหาห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกมีส่วนทำให้ราคาสูงขึ้น และการระบาดใหญ่ของโควิด-19 และข้อจำกัดทางสังคม ก็ยังคงส่งผลกระทบต่อการผลิตและการค้าทั่วโลก และจากปัญหาไวรัสโอมิครอน ชี้ว่าปัญหาเหล่านี้จะไม่หมดไปในทันที
ราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น ส่งผลให้ราคาน้ำมันไร้สารตะกั่วเพิ่มขึ้น 21% แต่มีการขึ้นราคาใหญ่ ๆ ในหมวดนันทนาการ ยาสูบ และหมวดการดูแลส่วนบุคคล
เมืองที่มีการเติบโตของค่าครองชีพสูงสุดในปี 2564 คือกรุงเตหะรานของอิหร่าน ซึ่งขยับขึ้น 50 อันดับ จากที่ 79 มาอยู่ที่อันดับ 29 เนื่องจากการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ส่งผลให้เกิดการขาดแคลนและราคาที่สูงขึ้น
กรุงดามัสกัสของซีเรีย ได้รับการจัดอันดับว่าเป็นเมืองที่ถูกที่สุดในโลกอีกครั้ง เนื่องจากเศรษฐกิจที่ถูกทำลายจากสงครามกลางเมือง ดามัสกัสและเตหะรานประสบปัญหาเงินเฟ้อสูงมากในปี 2564 เช่นเดียวกับกรุงคารากัสในเวเนซุเอลาและบัวโนสไอเรสในอาร์เจนตินา
EIU บอกในแถลงการณ์ว่า "แม้ว่าเศรษฐกิจส่วนใหญ่ทั่วโลกกำลังฟื้นตัว แต่ในขณะที่มีการฉีดวัคซีนโควิด-19 กันมากมาย แต่เมืองใหญ่ ๆ หลายแห่งยังคงเห็นการเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อ ซึ่งนำไปสู่ข้อจำกัดทางสังคม สิ่งเหล่านี้ได้ขัดขวางการจัดหาสินค้า ทำให้เกิดการขาดแคลนและราคาที่สูงขึ้น เรามองเห็นผลกระทบในดัชนีปีนี้ได้ชัดเจน ราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้นนั้นรุนแรงมาก แต่ไม่ใช่ว่าทุกเมืองที่จะเห็นราคาที่เพิ่มขึ้น หลายเมืองที่อยู่ด้านล่างสุดของการจัดอันดับได้เห็นว่าราคาซบเซาหรือลดลง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะค่าเงินของพวกเขาอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในปีที่จะมาถึง เราคาดว่าค่าครองชีพจะสูงขึ้นในหลายเมือง เนื่องจากค่าแรงเพิ่มขึ้นในหลายภาคส่วน อย่างไรก็ตาม เรายังคาดว่าธนาคารกลางจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างระมัดระวังเพื่อสกัดกั้นเงินเฟ้อ ดังนั้นการขึ้นราคาควรเริ่มที่ระดับปานกลางจากระดับของปีนี้”
นี่คือ 20 อันดับ เมืองที่มีค่าครองชีพแพงที่สุดในโลกประจำปี 2564
1. เทลอาวีฟ อิสราเอล
2. ปารีส ฝรั่งเศส
2. สิงคโปร์
4. ซูริก สวิตเซอร์แลนด์
5. ฮ่องกง
6. นครนิวยอร์ก สหรัฐ
7. เจนีวา สวิตเซอร์แลนด์
8. โคเปนเฮเกน เดนมาร์ก
9. ลอสแองเจลิส สหรัฐ
10. โอซาก้า ญี่ปุ่น
11. ออสโล นอร์เวย์
12. โซล เกาหลีใต้
13. โตเกียว ญี่ปุ่น
14. เวียนนา ออสเตรีย
14. ซิดนีย์ ออสเตรเลีย
16. เมลเบิร์น ออสเตรเลีย
17. เฮลซิงกิ, ฟินแลนด์
17. ลอนดอน สหราชอาณาจักร
19. ดับลิน ไอร์แลนด์
19. แฟรงก์เฟิร์ต เยอรมนี
19. เซี่ยงไฮ้ จีน
ภาพทั้งหมดคือเมืองเทลอาวีฟ