คณะรัฐมนตรีอิสราเอลอนุมัติเพิ่มมาตรการป้องกันไวรัสโคโรนากลายพันธุ์สายพันธุ์ใหม่ "โอไมครอน"ในการประชุมฉุกเฉินเมื่อคืนวันเสาร์ โดยกำหนดห้ามชาวต่างชาติจากทุกชาติเข้าประเทศนานอย่างน้อย 14 วัน และจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่คืนวันนี้ (28 พ.ย.) ทำให้อิสราเอลเป็นชาติแรกในโลกที่ปิดพรมแดนอย่างสิ้นเชิงเพื่อสกัดกั้นชาวต่างชาติเข้าประเทศ
นอกจากนี้คณะรัฐมนตรียังสั่งขยายกำหนดเวลากักตัวสำหรับพลเมืองอิสราเอลที่ฉีดวัคซีนครบโดส และวัคซีนเข็มกระตุ้น และเดินทางกลับจากต่างประเทศเป็นอย่างน้อย 3 วัน ส่วนคนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนต้องกักตัว 1 สัปดาห์ และพลเมืองอิสราเอลที่กลับมาจากประเทศในกลุ่มบัญชีแดง ที่มีความเสี่ยงสูง จะต้องกักตัวในโรงแรมที่รัฐจัดให้จนกว่าจะมีผลตรวจโควิด-เป็นลบสองครั้ง ส่วนคนที่กลับมาจากประเทศในทวีปแอฟริกาในช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาขอให้ตรวจหาเชื้อและกักตัวโดยสมัครใจ
นอกจากนี้หน่วยงานข่าวกรองความมั่นคง "ชิน เบต" จะใช้ระบบติดตามตัวด้วยโทรศัพท์มือถือเพื่อติดตามผู้ที่ติดเชื้อ "โอไมครอน" โดยก่อนหน้านี้เคยใช้ในช่วงที่โควิด-19 เริ่มระบาดในประเทศ
ก่อนหน้านี้เมื่อวันพฤหัสบดีรัฐบาลอิสราเอลระงับเที่ยวบินจาก 7 ประเทศทางตอนใต้ของทวีปแอฟริกา และห้ามพลเมืองอิสราเอลเดินทางไป 7 ประเทศดังกล่าวเพื่อป้องกันไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่มีชื่อว่า B.1.1.529 ที่พบครั้งแรกในประเทศแอฟริกาใต้ ก่อนที่องค์การอนามัยโลกจัดให้ไวรัสตัวนี้อยู่ในกลุ่มสายพันธุ์ที่น่ากังวล และกำหนดชื่อใหม่ด้วยอักษรภาษากรีกเป็น "โอไมครอน" ในการประชุมวาระพิเศษเมื่อวันศุกร์
อิสราเอลจำเป็นต้องยกระดับมาตรการป้องกันเข้มงวดขณะนี้ หลังจากตรวจพบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ โอไมครอน 1 คน และผู้ต้องสงสัยติดเชื้ออีก 7 คน ทั้งที่เพิ่งเปิดพรมแดนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติช่วงต้นเดือนนี้เป็นครั้งแรกนับจากมีการระบาดของโควิด-19 ภายในประเทศ