ประเด็นเรื่องการขาดประชุมของ ส.ส. หากไม่มองเรื่องเทคนิคการต่อสู้ในสภาตามที่ฝ่ายค้านนำมาอ้างเป็นเหตุผลแล้ว ต้องบอกว่าขัดต่อ ข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและกรรมาธิการ พ.ศ.2563
โดยในข้อ 14 ของประมวลจริยธรรมฯ ระบุว่า สมาชิกและกรรมาธิการต้องอุทิศเวลาให้แก่การประชุม โดยคำนึงถึงการตรงต่อเวลา และต้องไม่ขาดการประชุมโดยไม่จำเป็น เว้นแต่ในกรณีเจ็บป่วย หรือมีเหตุสุดวิสัย
ขณะที่ก่อนหน้านี้ มีการขาดประชุมสภาบ่อยครั้งจนสภาล่ม ทำให้ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้ไต่สวนเอาผิด ส.ส.277 คนที่ขาดประชุมสภาจนทำให้สภาล่มมาแล้ว ซึ่งรวมถึง ส.ส.ที่อยู่ในห้องประชุม แต่ไม่ยอมกดบัตรแสดงตน จนทำให้กฎหมายสำคัญไม่ผ่านการพิจารณาด้วย ตอนนั้น คือ ร่าง พ.ร.บ.วัตถุอันตราย
โดย นายศรีสุวรรณ มองว่า พฤติกรรมของ ส.ส.ที่โดดประชุมสภา เข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรม เป็นการทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย จึงต้องยื่นให้ ป.ป.ช.ไต่สวน และส่งศาลฎีกาเพื่อวินิจฉัยต่อไป
นายศรีสุวรรณ ยังเปิดเผยตัวเลขเงินเดือน ส.ส.ด้วยว่า ส.ส. มีเงินเดือนมากถึง 71,230 บาท และยังมีเงินเพิ่ม 42,330 บาท รวมต่อเดือนสูงถึง 113,560 บาท หรือเฉลี่ยวันละ 3,785 บาท
การที่ ส.ส.ไม่ร่วมประชุมสภา หรือกระทำการอย่างใดๆ เป็นเหตุให้สภาไม่สามารถประชุมต่อไปได้ หรือสภาล่ม เพียง 1 วัน ทำให้รัฐต้องเสียงบประมาณแผ่นดินที่เป็นเงินภาษีของประชาชนไปถึง 1,892,666 บาทต่อวัน คิดจากตัวเลข ส.ส.เต็มจำนวน 500 คน
นอกจากนั้น สภายังต้องจ่ายค่าตอบแทนให้ผู้ช่วย ส.ส. หรือผู้ช่วยดำเนินงานอีก 5 คน ค่าตอบแทนคนละ 15,000 บาท ผู้เชี่ยวชาญประจำตัว 1 คน ค่าตอบแทนเดือนละ 24,000 บาท และผู้ชำนาญการประจำตัว 2 คน มีค่าตอบแทนเดือนละ 15,000 บาท
นายศรีสุวรรณ สรุปว่า การที่ ส.ส.ไม่ปฏิบัติหน้าที่เพียงวันเดียว จึงไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย แต่หมายถึงการที่ทำให้รัฐเสียหาย อันเป็นการทุจริตต่อหน้าที่ เข้าข่ายความผิด ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง และขัดต่อประมวลจริยธรรมของสภาผู้แทนราษฎรที่ตนเองสังกัดด้วย