เมื่อเวลา 10.00 น.ของวันที่ 6 ตุลาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ พ.ต.อ.ทรงกริช ออนตะไคร้ รอง ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ และ พ.ต.อ.อัครภูมิ ชนะใหญ่ ผกก.สภ.โหล่งขอด ได้ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุมผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่ ต.โหล่งขอด อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 1 คน คือ นายณธีพัฒน์ ฉัตรนิธิพงศ์ อายุ 58 เป็นชาว อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน และของกลางยาบ้า 92,000 เม็ด อาวุธปืนยาว 2 กระบอก ปืนสั้น 1 กระบอก รถยนต์ 2 คัน รถจักรยานยนต์ 2 คัน และสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารพร้อมสร้อยคอทองคำ
โดยพฤติการณ์ของคดี พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ กล่าวว่า ตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติด ภ.จว.เชียงใหม่ ได้รับแจ้งข้อมูลจากสายลับว่า นายณธีพัฒน์ได้มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่ติดแนวชายแดน จ.เชียงใหม่ โดยจะลักลอบลำเลียงยาเสพติดมาครั้งละจำนวนมากและเข้ามาเก็บรักษาไว้ ก่อนที่จะกระจายยาเสพติดดังกล่าวเข้ามาในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ และใกล้เคียง โดยใช้รถยนต์ในการขนย้าย จึงได้สั่งการให้ทำการสืบสวนติดตามพฤติการณ์อย่างต่อเนื่อง
ต่อมาตามวันที่ 2 ตุลาคม 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับว่านายณธีพัฒน์ จะมีการเดินทางไปลักลอบลำเลียงยาเสพติดยังพื้นที่ ชายแดน จ.เชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการตรวจสอบการเดินทางของนายณธีพัฒน์ พบว่าได้มีเดินทางจากพื้นที่ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งเป็นที่พักอาศัยของนายณธีพัฒน์ ได้เดินทางมายังพื้นที่ จ.เชียงใหม่ โดยได้เดินทางผ่านด่านจุดตรวจสกัดยากเสพติดเข้ามาในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ หลังจากนั้นจึงเดินทางซึ่งมีทิศทางมุ่งหน้าไปยังพื้นที่แนวชายแดน อ.ชียงดาว จ.เชียงใหม่ และเดินทางกลับเข้ามาในพื้นที่ตัวเมือง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ในเวลาต่อมา ทำให้เชื่อได้ว่านายณธีพัฒน์ได้ไปรับยาเสพติดมาเรียบร้อยแล้ว และลักลอบลำเลียงยาเสพติดมาซุกซ่อนมากับรถยนต์ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ทำการตรวจสอบและค้นหารถยนต์ ยี่ห้ออีซูซุ มิวเอ็กซ์ สีดำ ทะเบียน งธ 4521 เชียงใหม่
จนกระทั่งวันที่ 3 ตุลาคม 2564 พบว่ารถยนต์คันดังกล่าวได้เดินทางมุ่งหน้าไปทาง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ จึงทำการติดตามและได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โหล่งขอด ซึ่งประจำด่านตรวจพิทักษ์ธรรม ต.โหล่งขอด อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ เพื่อทำการหยุดรถและตรวจสอ[ภายในรถยนต์ของนายณธีพัฒน์ จากการตรวจค้นพบยาบ้า จำนวนประมาณ 92,000 เม็ด ซุกช่อนอยู่ในช่องเก็บสัมภาระด้านท้าย รถยนต์ที่ขับขี่มา จากการสอบถามนายณธีพัฒน์ รับว่า ตนได้รับว่าจ้างจากนายเงาะ ไม่ทราบชื่อ จริงนามสกุลจริง อายุประมาณ 45 ปี ได้ว่าจ้างในการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ ชายแดนไปส่งยังพื้นที่ จ.เชียงใหม่และจังหวัดใกล้เคียง ซึ่งนายเงาะ จะแจ้งให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง โดยได้รับเงินค่าจ้างเป็นเงิน ประมาณ 100,000 บาท ซึ่งผู้ต้องหาได้กระทำมาจำนวนหลายครั้ง เมื่อผู้ต้องหาได้รับยาเสพติดแล้ว ก็จะเข้าที่พักบริเวณใกล้กับจุดที่ไปรับยาเสพติด เพื่อทำการจัดเตรียมซุกซ่อนยาเสพติดใส่ไว้ภายในรถยนต์คันดังกล่าว โดยจะพยายามขับรถยนต์หลีกเลี่ยงเส้นทางด่าน
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ไปทำการตรวจค้นที่บ้านของนายณธีพัฒน์ ซึ่งเชื่อว่าน่าจะมีทรัพย์สินหรือสิ่งของผิดกฎหมาย หรือได้มาจากการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในครั้งก่อน ซึ่งจากการตรวจค้น พบสิ่งของ จำนวนหลายรายการ ก่อนจะนำตัวนายณธีพัฒน์ มาดำเนินคดีตามกฎหมาย และขยายผลตามจับกุมผู้บงการมารับโทษต่อไป