โอลาฟ โชลซ์ จากพรรคโซเชี่ยล เดโมแคร็ต หรือ SPD ของเยอรมนี ผู้ที่อาจจะขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ต่อจากนางอังเกล่า แมร์เคิล เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ (27 ก.ย.) ว่า เขาตั้งเป้าหมายที่จะบรรลุข้อตกลงในการจัดตั้งรัฐบาลผสมร่วมกับพรรคกรีน และพรรคเสรีประชาธิปไตย หรือ FDP ให้เสร็จก่อนวันคริสต์มาส
หนึ่งวันหลังจากการเลือกตั้งระดับชาติ เขาบอกว่า “ความคิดของผมก็คือเราจะบรรลุผลลัพธ์อย่างรวดเร็ว ถ้าเป็นไปได้ มันก็ควรเป็นก่อนวันคริสต์มาส”
เขาบอกด้วยว่าเมื่อคืน เขาหลับสบายดี เมื่อตื่นมา ก็ยังมาเช็คดูว่า ทุกอย่างที่เกิดขึ้นตอนที่เขาหลับไปยังอยู่ดีหรือไม่ และก็รู้สึกมีความสุขอีกครั้ง
ในการตอบคำถามนักข่าวเป็นภาษาอังกฤษ โชลซ์บอกว่ารัฐบาลที่นำโดยเขา จะเสนอความสัมพันธ์ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกที่ต่อเนื่องกับสหรัฐฯ
"การเป็นหุ้นส่วนข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกมีความสำคัญสำหรับเราในเยอรมนี และสำหรับรัฐบาลที่จะนำโดยผม ดังนั้นคุณจึงสามารถพึ่งพาความต่อเนื่องในประเด็นนี้ได้เลย มันเป็นสิ่งสำคัญที่เราต้องเข้าใจตนเองในฐานะประเทศประชาธิปไตย และเราเห็นว่าในโลกที่อันตรายมากขึ้น เป็นสิ่งสำคัญที่เราจะต้องทำงานร่วมกัน แม้ว่าเราจะมีความขัดแย้งในประเด็นใดประเด็นหนึ่งก็ตาม”
ในประเด็นที่อังกฤษกำลังขาดแคลนเชื้อเพลิง จากปัญหาการขาดแคลนคนขับรถบรรทุก โชลซ์บอกว่า "การเคลื่อนย้ายแรงงานอย่างเสรีเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพยุโรป และเราทำงานอย่างหนักเพื่อโน้มน้าวให้อังกฤษไม่ออกจากสหภาพยุโรป ตอนนี้พวกเขาตัดสินใจในแบบที่แตกต่าง และผมหวังว่าพวกเขาจะจัดการกับปัญหาได้... ถ้าคุณเข้าใจว่าการเป็นคนขับรถบรรทุกเป็นสิ่งที่หลายคนชอบที่จะเป็น คุณจะพบว่ามันมีความไม่เพียงพอเกี่ยวกับสภาพการทำงาน”
ตอนนี้ พรรคโซเชียลเดโมแครตของเยอรมนีจะเริ่มกระบวนการพยายามสร้างพันธมิตร 3 พรรค และเป็นผู้นำรัฐบาลเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2548 หลังจากที่พวกเขาชนะการเลือกตั้งระดับชาติอย่างหวุดหวิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยโชลซ์ได้ให้คำมั่นเรื่อง 'เสถียรภาพ'
พรรค SPD ชนะการเลือกตั้งด้วยเสียงสนับสนุน 25.7 % นำหน้าพรรคอนุรักษ์นิยม CDU/CSU ของแมร์เคิล ที่ได้ 24.1% ส่วนพรรคกรีนได้ 14.8% และ FDP อยู่ที่ 11.5%
แต่ยังไม่ชัดเจนว่าใครจะเป็นผู้นำรัฐบาลเยอรมันชุดต่อไป เนื่องจากไม่มีพรรคใดได้รับคะแนนเสียงข้างมาก และตอนนี้พรรคหลัก ๆ ก็จำเป็นต้องเริ่มการเจรจาเพื่อจัดตั้งรัฐบาลผสม