วันนี้ (24 กันยายน 2564) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า “พังโย” ช้างซึ่งถูกขโมยไปจากเจ้าของเดิมคือ นายชอบ เรียงเงิน ชาวจังหวัดสุรินทร์ เมื่อต้นปี 2546 ขณะทำงานอยู่ที่ จ.กระบี่ กระทั่งในปี 2560 ทราบว่า ถูกนำมาขายให้กับปางช้างแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.ฉลอง อ.เมืองจ.ภูเก็ต และเจ้าของได้มอบอำนาจให้นายวัน เรียงเงิน พี่ชาย นำหลักฐานมายืนยันเพื่อขอรับช้างคืน แต่ได้รับการปฎิเสธ อ้างว่าซื้อมาถูกต้องตามกฎหมายในราคา 1.4 ล้านบาท
จนนำไปสู่กระบวนการต่อสู้ในชั้นศาล กระทั่งศาลฎีกามีคำพิพากษาให้เจ้าของช้างเดิมชนะคดีและรับช้างคืน ได้ถูกนำขึ้นรถบรรทุกออกจากปางแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.ฉลอง อ.เมืองภูเก็ต เพื่อเดินทางกลับบ้านเกิดจังหวัดสุรินทร์ ตามความประสงค์ของผู้เป็นเจ้าของ แต่ก่อนที่ “พังโย” จะขึ้นรถได้มีการทำพิธีตามความเชื่อ เพื่อให้การเดินทางเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
ทั้งนี้ก่อนนำ “พังโย” ออกจากปางช้างที่รับฝากเลี้ยงไว้นายวัน เรียงเงิน ชาว จ.สุรินทร์ ผู้รับมอบอำนาจจากน้องชาย (นายชอบ เรียงเงิน เจ้าของช้าง) ได้เดินทางไปยังสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดภูเก็ต เพื่อขอหนังสือรับรองการเคลื่อนย้ายช้างเดินทางกลับจังหวัดสุรินทร์
หลังจากปศุสัตว์อำเภอเขวาสินรินทร์ จ.สุรินทร์ ได้ออกหนังสือรับรองให้เคลื่อนย้ายได้ จากนั้นพร้อมด้วยนายสัตวแพทย์สุทัศน์ นิยมไทย ปศุสัตว์อำเภอเมืองภูเก็ต, นายสัตวแพทย์ วงศพัทธ์ จันไชยยศ หัวหน้ากลุ่มงานสุขภาพสัตว์ สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเดินทางไปยังปางช้างแห่งหนึ่งในพื้นที่ตำบลฉลอง ซึ่งรับฝากเลี้ยง “พังโย” ไว้ เพื่อทำการตรวจสุขภาพช้างและพบว่าแข็งแรงสมบูรณ์ดี
นอกจากนี้ยังได้มีการตรวจเช็คหมายเลขไมโครชิพที่ตัวช้าง พบว่าตรงกับตั๋วรูปพรรณที่นาย วันฯ นำมาแสดง จากนั้นได้เดินทางไปลงบันทึกประจำวัน ไว้เป็นหลักฐาน ที่ สภ.ฉลอง อ.เมืองภูเก็ต ในการนำช้างออกจากปางเดินทางไป จ.สุรินทร์ ดังกล่าว
นายวัน เรียงเงิน กล่าวภายหลังจากเห็น “พังโย” ว่า ดีใจมากที่เห็นพังโย หรือผู้ดูแลเรียกว่า “พังน้ำเพชร” มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงแตกต่างจากที่เคยเห็นเมื่อ 4 ปีก่อนที่อยู่ในสภาพทรุดโทรมและค่อนข้างผอม ต้องขอบคุณทางผู้บริหารปางช้างที่รับฝากและดูแลเป็นอย่างดี
ซึ่งเมื่อกลับไปถึง จ.สุรินทร์ คงไม่ได้ให้ทำงานอะไร เนื่องจากมีอายุกว่า 70 ปีแล้ว แต่จะนำไปไว้ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ เพื่อเป็นครูช้างสอนเด็กและเยาวชนได้เรียนรู้เกี่ยวกับช้าง คู่กับช้างอีกเชือกที่มีอยู่แล้ว
นายวัน ได้กล่าวถึงเหตุผลที่ต้องตามหา “พังโย” ซึ่งใช้เวลายาวนานถึง 18 ปี ว่า ด้วยเลี้ยงมาตั้งแต่เล็กจึงรู้สึกรักและความผูกพันเหมือนกับเป็นคนหนึ่งในครอบครัว แม้หนทางในการติดตามจะค่อนข้างยากลำบาก และต้องหมดเงินไปเป็นจำนวนมาก แต่ไม่เคยท้อ สู้จนสุดกำลัง นอกจากนี้ทุกครั้งที่เดินทางมาตามหา “พังโย” จะนำภาพบูชาหลวงพ่อแช่ม (เกจิชื่อดังของ จ.ภูเก็ต) มาด้วยทุกครั้ง จนประสบความสำเร็จในที่สุด
ทางด้านนายสัตวแพทย์สุทัศน์ นิยมไทย ปศุสัตว์อำเภอเมืองภูเก็ต กล่าวยืนยันว่า จากการตรวจสุขภาพของพังโยในเบื้องต้น พบว่ามีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง สามารถเดินทางไกลได้ ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด และจากตรวจสอบไมโครชิพ ปรากฏว่า ถูกต้องตรงตามหมายเลขตั๋วรูปพรรณช้างที่มีการนำมาแสดง
ภาพ / ข่าว โดย :
สาลินี ปราบ จ.ภูเก็ต