“ภราดร”ชี้“บิ๊กตู่”เลือกปรับครม.ต่ออายุเตรียมพร้อมก่อนเลือกตั้ง

11 กันยายน 2564 พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขานุการคณะกรรมการกิจการพิเศษ พรรคเพื่อไทย ในฐานะอดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. วิเคราะห์ถึงสถานการณ์การเมือง ผ่านทาง "เนชั่นทีวี" หลังจบการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พร้อมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งต้องยอมรับว่า ที่ผ่านมารัฐบาลไปไม่ได้ โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาโควิด-19 ที่ล้มเหลว จนลามมาถึงคาร์ม็อบ และนัดชุมนุมใหญ่ในวันที่ 19 กันยายนนี้

ทั้งนี้ หากสถานการณ์โควิดคลี่คลายลง เชื่อว่าคนก็จะออกมาเป็นจำนวนมาก อีกทั้ง ปัจจัยทั้งในและนอกสภาฯ รวมถึงในและนอกประเทศ ไม่ได้เอื้อต่อ พลเอก ประยุทธ์ ให้อยู่ต่อ เพียงแต่ที่ผ่านมาประชาชนให้โอกาสบริหารประเทศแบบกึ่งจำยอม เพราะในทางทฤษฎีการเมือง คนให้โอกาสรัฐบาลไม่เกิน 2 ปีบริหารประเทศ ไม่เกินจากนี้ แต่ที่ผ่านมานายกฯบริหารแบบลุแก่อำนาจ

พล.ท.ภราดร กล่าวต่อว่า เห็นได้ชัดในการปรับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ออกจากรัฐมนตรีช่วยเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งเป็นการกระทำของเผด็จการ ไม่ใช่การเมือง เพราะด้วยนิสัยของ พล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ไม่ไว้ใจนักการเมือง ต่างจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ คือ ครึ่งๆ กลางๆ ระหว่างนักการเมือง และรุ่นพี่รุ่นน้อง

อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์เกิดขึ้น ไม่ยุบสภาฯ ก็ลาออก แต่ด้วยสภาวะการเมืองแบบนี้ เชื่อว่าท้ายที่สุดแล้ว รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จะมีการปรับ ครม. โดยยื้อให้ถึงที่สุด เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนนำไปสู่การเลือกตั้ง และต้องไม่ลืมว่าประชาชนในปัจจุบันเปลี่ยนไป เพราะด้วยเทคโนโลยี ในการรับรู้เข้าถึงข้อมูลข่าวสาร