svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ภูมิภาค

เชื่อมั่นเศรษฐกิจภาคใต้ลดลง หวั่นคุมแพร่ระบาดไม่ได้หลังคลายล็อก

01 กันยายน 2564
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ดัชนีความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจภาคใต้เดือนสิงหาคมลดลง ประชาชนกังวลการผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มโควิด-19 วันที่ 1 กันยายน 2564 ภาครัฐจะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ได้หรือไม่ เรียกร้องพักหนี้-ซอฟต์โลน-เร่งฉีดวัคซีน

1 กันยายน 2564 ศูนย์วิจัยนวัตกรรมทางธุรกิจ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ ได้ดำเนินการจัดทำดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อวัดการเปลี่ยนแปลงของ  สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและสังคมของประชาชนในภาคใต้ เก็บแบบสอบถามกับกลุ่มตัวอย่างจากประชาชนในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ จำนวน 420 ตัวอย่าง 
                
ผศ.ดร.วิวัฒน์  จันทร์กิ่งทอง ผู้จัดการศูนย์วิจัยนวัตกรรมทางธุรกิจ รายงานผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม เดือนสิงหาคม 2564 พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนโดยรวมเดือนสิงหาคม (39.40) ปรับตัวลดลง เมื่อเปรียบเทียบกับและเดือนกรกฎาคม (39.60)  เดือนมิถุนายน (40.10) 

เชื่อมั่นเศรษฐกิจภาคใต้ลดลง หวั่นคุมแพร่ระบาดไม่ได้หลังคลายล็อก
               
โดยดัชนีที่มีการปรับตัวลดลง ได้แก่ ภาวะเศรษฐกิจโดยรวม รายได้จากการทำงาน รายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค บริโภค  รายจ่ายด้านการท่องเที่ยว ความสุขในการดำเนินชีวิต ฐานะการเงิน (รายได้หักรายจ่าย) การออมเงิน ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน การแก้ปัญหายาเสพติด การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ
                  

โดยปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบสำคัญมาจากสถานการณ์ของโควิด -19 ที่มีการกลายพันธุ์และแพร่ระบาดหนักในช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ทำให้เกิดการล็อกดาวน์ในจังหวัดพื้นที่สีแดงเข้ม โดยพบว่าการบริโภคภาคครัวเรือนจำนวนมากกว่าครึ่งได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์ โดยมีรายได้จากการจ้างงานที่ลดลง รวมทั้งราคาสินค้าเกษตรส่วนใหญ่มีแนวโน้มปรับตัวลดลง มีผลผลิตออกสู่ตลาดจำนวนมาก ผนวกกับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ทำให้อุปสงค์สินค้าเกษตรส่วนหนึ่งลดลง ส่งผลต่อรายได้เกษตรกรให้ขยายตัวลดลง
    เชื่อมั่นเศรษฐกิจภาคใต้ลดลง หวั่นคุมแพร่ระบาดไม่ได้หลังคลายล็อก                 
 อีกทั้ง มาตรการช่วยเหลือของภาครัฐ อาทิ โครงการคนละครึ่ง ซึ่งมีครัวเรือนบางส่วนที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ และประชาชนจำนวนมากที่ได้รับสิทธิคนละครึ่งได้ใช้สิทธิจนครบตามจำนวนเงินที่ได้รับ ทำให้การจับจ่ายใช้จ่ายในช่วงปลายเดือนสิงหาคม ไม่คึกคัก ในขณะที่โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ ยังไม่ตอบโจทย์กับประชาชน  ทั้งนี้ หากการช่วยเหลือและเยียวยาของภาครัฐไม่มีความต่อเนื่อง และครอบคลุมผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างทั่วถึง ย่อมส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของประชาชนเป็นอย่างมาก
  เชื่อมั่นเศรษฐกิจภาคใต้ลดลง หวั่นคุมแพร่ระบาดไม่ได้หลังคลายล็อก                        
ซึ่งในระยะข้างหน้าภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือนยังต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนสูง ดังนั้นมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจที่ครอบคลุมผู้ได้รับผลกระทบและเข้าถึงได้ง่ายจึงยังมีความจำเป็นต่อเนื่อง ซึ่งกระทรวงแรงงานและสำนักงานประกันสังคมก็ได้มีมาตรการเยียวยา 9 กลุ่มอาชีพในโครงการเยียวยานายจ้างและผู้ประกันตน ม.33 ม.39 และ ม.40 ให้แก่ประชาชนแรงงานผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ในจังหวัดพื้นที่สีแดงเข้ม ซึ่งจะสามารถช่วยประคับประคองการดำรงชีพได้บางส่วน 
                       

อย่างไรก็ตาม การเร่งดำเนินการเพื่อลดจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันลง ทั้งการตรวจเชิงรุก เพื่อแยกผู้ติดเชื้อโควิด-19 ไปทำการรักษาอย่างเร่งด่วน ไม่ให้เกิดการแพร่กระจายไปสู่คลัสเตอร์อื่น ๆ รวมถึงการจัดหาวัคซีนและเร่งฉีดให้กับประชาชนให้ได้มากที่สุด เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ในประเทศ อันจะนำไปสู่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้ดีขึ้น ภาครัฐมีนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ในขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศที่ยังพบจำนวนผู้ติดเชื้อสูง ทำให้จำเป็นต้องใช้มาตรการควบคุมการระบาดในประเทศ ซึ่งไม่เอื้อต่อกิจกรรมการท่องเที่ยว อีกทั้ง หน่วยงานภาครัฐในหลายประเทศมีการยกระดับคำเตือนสำหรับประชาชนที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวยังประเทศไทย เช่น ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ หรือ CDC (Center for Disease Control and Prevention) จึงไม่น่าจะเป็นผลดีต่อแนวโน้มการท่องเที่ยวไทย 

เชื่อมั่นเศรษฐกิจภาคใต้ลดลง หวั่นคุมแพร่ระบาดไม่ได้หลังคลายล็อก
                   
นอกจากนี้ การท่องเที่ยวไทยยังต้องเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงจากความตึงเครียดทางการเมืองในประเทศ โดยเฉพาะการชุมนุมเพื่อขับไล่รัฐบาล ซึ่งมีการยกระดับและความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งหากรัฐบาลสามารถควบคุมสถานการณ์การชุมชนให้อยู่ภายใต้กฎหมาย และสามารถควบคุมการระบาดของโควิด-19 ในพื้นที่ท่องเที่ยวที่เป็นเป้าหมายได้ การเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เช่น ภูเก็ต กระบี่ สุราษฎร์ธานี และจังหวัดอื่น ๆ ย่อมเป็นไปในทิศทางที่ดี ในช่วงเวลาที่เหลือของปี  อันจะทำให้สถานการณ์การท่องเที่ยวปรับตัวดีขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ และดีขึ้นตามลำดับในไตรมาสที่ 1 ของปีหน้า 

 จากการสัมภาษณ์ประชาชนภาคใต้ในหลายสาขาอาชีพ เพื่อรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับผลกระทบที่เกิดขึ้น แนวทางการแก้ไข และความคิดเห็นต่อมาตรการต่าง ๆ ของภาครัฐ รวมถึงข้อเสนอแนะต่าง ๆ มีดังนี้
  1. ความกังวลต่อการผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มโควิด-19 ในวันที่ 1 กันยายน 2564 ว่าภาครัฐจะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ได้หรือไม่ และหากสถานการณ์ลุกลามบานปลายจนเกิดการแพร่ระบาดหนักเป็นระลอกที่ 5 ภาครัฐจะมีมาตรการและแผนการรองรับไว้อย่างไรบ้าง

เชื่อมั่นเศรษฐกิจภาคใต้ลดลง หวั่นคุมแพร่ระบาดไม่ได้หลังคลายล็อก


  2. ความชัดเจนของภาครัฐในการเร่งดำเนินการจัดหาและกระจายวัคซีนโควิด-19 ให้ครอบคลุมจำนวนประชากรทุกกลุ่มอายุและอาชีพ รวมถึงภาครัฐควรให้ข้อมูลอย่างละเอียดในการสื่อสารแก่ประชาชนอย่างครบถ้วน รวมถึงรับประกันความปลอดภัยในการฉีดวัคซีนแก่ประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความกังวลต่อผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีน ให้ได้รับความมั่นใจและกล้าที่จะฉีดวัคซีนมากขึ้น


 3. ควรเร่งรีบในการจัดหาชุดตรวจโควิด-19 แอนติเจนเทสต์คิตหรือ ATK ให้กับสถานพยาบาลต่าง ๆ สำหรับให้บริการตรวจโควิด-19 รวมถึงการจัดส่งให้กับประชาชนทุกครัวเรือน เพื่อให้สามารถตรวจได้ด้วยตนเองโดยคัดเลือก ATK ที่มีคุณภาพ โดยผลจากการตรวจ ATK ต้องมีความถูกต้องและแม่นยำสูง

 ผลคาดการณ์ในอีก 3 เดือนข้างหน้า พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่เชื่อว่าภาวะเศรษฐกิจโดยรวม และรายได้จากการทำงานจะเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 39.60 และ 32.80 ตามลำดับ ส่วนความเชื่อมั่นต่อรายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นในครัวเรือน และรายจ่ายด้านการท่องเที่ยว ในอีก 3 เดือนข้างหน้า จะเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 35.60 และ 30.30 ตามลำดับ 

เชื่อมั่นเศรษฐกิจภาคใต้ลดลง หวั่นคุมแพร่ระบาดไม่ได้หลังคลายล็อก
                    
ส่วนความเชื่อมั่นด้านความสุขในการดำเนินชีวิต การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และการแก้ปัญหาเศรษฐกิจในอีก 3 เดือนข้างหน้า จะเพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 33.50, 37.10 และ 30.10 ตามลำดับ
 
ปัจจัยที่ประชาชนส่วนใหญ่มองว่ามีผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบันมากที่สุด คือ ราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ คิดเป็นร้อยละ 27.40 รองลงมา คือ ค่าครองชีพ และราคาสินค้าสูง คิดเป็นร้อยละ 25.10 และ 18.60 ตามลำดับ 
                     
ขณะที่ปัญหาเร่งด่วนที่ประชาชนส่วนใหญ่มองว่ารัฐบาลควรให้ความช่วยเหลือเป็นอันดับแรกคือ การพักหนี้ของประชาชน รองลงมา คือ การเยียวยาประชาชนอย่างต่อเนื่อง  การปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ  และการเร่งฉีดวัคซีนโควิด-19 ตามลำดับ

ภาพ/ข่าว โดย:
สมชาย  สามารถ เนชั่นทีวี
 

logoline