- 29 ส.ค. 2564
- 72
ภาคเอกชนสงขลาเตรียมขับเคลื่อนโครงการ "ด่านนอกแซนด์บ็อกซ์" เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวบริเวณด่านพรมแดนไทย-มาเลเซีย อ.สะเดา จ.สงขลา ที่ปัจจุบันเงียบเหงาอย่างหนักแทบจะกลายเป็นเมืองร้าง
ผลกระทบจากโควิด-19 ตลอด2ปี ทำให้ย่านเศรษฐกิจและการค้าบริเวณด่านสะเดา อ.สะเดา จ.สงขลา ซึ่งเป็นด่านพรมแดนไทย-มาเลเซียแห่งนี้ ตกอยู่ในสภาพร้างผู้คน ทั้งร้านค้า ร้านอาหาร โรงแรมและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวปิดกิจการเกือบทั้งหมด
สาเหตุหลักเป็นเพราะว่า 90% ของธุรกิจและเศรษฐกิจที่ด่านนอกแห่งนี้ ต้องพึ่งพานักท่องเที่ยวจากประเทศมาเลเซียนั่นเอง ซึ่งเมื่อเทียบโมเดลจากภูเก็ตแซนด์บ๊อกซ์ รวมถึงสมุยพลัส ที่นำร่องไปก่อนหน้านี้ จึงมีโอกาสที่จังหวัดสงขลาจะนำร่องฟื้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ ด้วยโครงการ “ด่านนอกแซนด์บ็อกซ์”โปรเจคการฟื้นเศรษฐกิจชายแดนไทย-มาเลเซีย
กลุ่มผู้ประกอบการด่านนอกให้ข้อมูลถึงแนวคิดการเปิดโครงการ “ด่านนอกแซนด์บ็อกซ์” มาจากที่มาเลเซียทยอยฉีดวัคซีนให้กับประชาชนไปแล้วกว่า 31.8 ล้านโดส และคาดว่าจะครอบคลุมร้อยละ 70 ของประชากรทั้งหมดภายในเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งก็สอดรับกับนโยบายการการเปิดประเทศของไทยภายใน 120 วัน ตามแนวทางของนายกรัฐมนตรีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ประกาศ ไว้ซึ่งจะครบในเดือนตุลาคมนี้เช่นกัน
การขับเคลื่อนโครงการด่านนอกแซนด์บ็อกซ์เป้าหมายคือ การดึงนักท่องเที่ยวมาเลเซียเข้ามาเที่ยวในโครงการฯ ซึ่งผู้ประกอบการมองว่านี่เป็นโอกาสและทางรอดที่ช่วยฟื้นเศรฺษฐกิจระดับพื้นที่ได้ โดยคำว่า “ด่านนอก” นั้นเป็นชื่อที่นักท่องเที่ยวมาเลเซียนิยมเรียกเมื่อข้ามแดนที่ อ.สะเดา และที่เลือก “ด่านนอก” เนื่องจากเป็นพรมแดนไทย-มาเลเซียที่มีเส้นทางเข้า-ออกเพียงทางเดียว จึงง่ายในการควบคุมตามมาตรการป้องกันโรคโควิด 19
ทีมข่าวเนชั่นทีวี ลงพื้นที่ไปสำรวจก็จะพบว่าตามตรอก ซอก ซอย ปิดเงียบ ร้านค้าดัง สถานบันเทิงที่เคยเฟื้องฟูก็ถูกปิดจนกลายเป็นทำเลร้าง เช่นเดียวกับร้านค้าแผงลอยที่ปิดแบบ 100%
โครงการ “ด่านนอกแซนด์บ็อกซ์” จะเกิดขึ้นได้หรือไม่นั้น ปัจจุบันยังเป็นเพียงแนวคิดที่รอการพิจารณาจากหน่วยงานภาครัฐที่จะเข้ามาศึกษาความเป็นไปได้ร่วมกันเพื่อเป้าหมายการพลิกฟื้นเศรษฐกิจเมืองชายแดนไทย-มาเลเซีย