วันที่ 24 สิงหาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง ตำรวจภูธรภาค 5 พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผบช.ภ.5 พร้อมด้วย พล.ต.ต.สัณห์ โพธิ์รักษา รอง ผบช.ภ.5 พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี ผบก.สส.ภ.5 พ.ต.อ.วรพงศ์ คำลือ รอง ผบก.สส.ภ.5 และ พล.ต.ต.พิเชษฐ จีระนันตสิน ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ ได้ร่วมกันแถลงข่าวปฏิบัติการขยายผลจับกุมเครือข่ายค้ามนุษย์ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่
หลังจากเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2564 ที่ผ่านมาได้ทำการจับกุมตัวนางสาวสุดาลักษณ์ สุขแยง หรือ จุ๊บแจง อายุ 29 ปี ภูมิลำเนา อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ ที่ตั้งตนเป็นแม่เล้า พร้อมพวกอีก 2 คน ในการกระทำผิดในข้อหา ร่วมกันสบคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปค้ามนุษย์โดยการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการค้าประเวณี เป็นการกระทำแก่เด็กอายุไม่เกินสิบห้าปี , เพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งชายหรือหญิง แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม เป็นการกระทำแก่เด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี , เป็นธุระจัดหาล่อไป หรือชักพาไปซึ่งบุคคลใดเพื่อให้บุคคลนั้นกระทำการค้าประเวณี แม้บุคคลนั้นจะยินยอมก็ตาม , พรากและพาเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง เพื่อการอนาจารและยุยงส่งเสริมเด็กประพฤติไม่สมควร และต่อมาได้มีการขยายผลการจับกุมในเครือข่ายดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง
โดยพฤติการณ์ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับการร้องเรียนจากกลุ่มผู้เสียหายแต่เป็นผู้หญิงอายุต่ำกว่า 14 ปี ว่ามีกลุ่มแม่เล้าชักชวนไปค้าประเวณีให้แก่ลูกค้าชาย ในเขตพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน และลำปาง ส่วนใหญ่เป็นชายสูงอายุจะติดต่อผ่านมายังแม่เล้า ให้จัดหาเด็กสาวเพื่อมามีเพศสัมพันธ์และให้ค่าตอบแทนครั้งละ 1,000-2,000 บาท โดยนัดหมายให้แม่เล้านำเด็กสาวไปส่งยังโรงแรมต่างๆ และจากการสืบสวนยังพบว่ามีผู้ซื้อประเวณีเด็กเป็นกลุ่มชายสูงอายุ ประกอบอาชีพพ่อค้า นักธุรกิจ ผู้รับเหมา และข้าราชการบำนาญ ที่ส่วนใหญ่มีอายุมากกว่า 50 ปีมีการซื้อบริการทางเพศเด็กซ้ำๆ บางครั้งซื้อประเวณีเด็กพร้อมกันสองคนเพื่อไปมีเพศสัมพันธ์แบบหมู่หรือที่เรียกว่าสวิงกิ้ง รวมถึงมีการนำเด็กผู้ชายที่อายุไม่ถึง 18 ปีไปขายบริการอีกด้วย
ภายหลังการจับกุมกลุ่มเครือข่ายแม่เล้าจุ๊บแจงได้และได้มีการดำเนินการขยายผล สามารถามจับกุมตัวบุคคลที่กระทำความผิดในฐานซื้อบริการ จำนวนทั้งหมด 7 คน และอยู่ในระหว่างหลบหนีอีก 1 คน ซึ่งพบว่ามีคดีเกี่ยวข้องกับยาเสพติดอีกด้วย นอกจากนี้ยังพบว่า หนึ่งในกลุ่มผู้ใช้บริการยังเป็นพระภิกษุสงฆ์ ที่มีพฤติกรรมซื้อบริการทางเพศทั้งหญิงและชาย โดยนัดหมายกับเครือข่ายแม่เล้าจุ๊บแจง นำเด็กมาส่งให้ที่โรงแรมม่านรูดหรือรีสอร์ทในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่
พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผบช.ภ.5 เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากการขยายผลการจับกุมกลุ่มเครือข่ายค้ามนุษย์ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.ที่ผ่านมา ที่ทางเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวกลุ่มเครือข่ายขบวนการดังกล่าวได้ 3 คน และในครั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่สามรถทำการจับกุมกลุ่มเครือข่ายนี้ได้เพิ่มเติมอีก อีกทั้งยังสามารถช่วยเหลือผู้เสียหายเป็นเด็กหญิงที่ถูกล่อลวงไปทำการค้าประเวณีอีก 4 คน โดยมีอายุ 14 ปี จำนวน 3 คน และอายุ 16 ปี อีกจำนวน 1 คน นอกจากนี้ยังมีเด็กผู้ชายอายุ 16 ปี จำนวน 1 คน และอายุ 17 ปี อีก 1 คน
โดยพฤติกรรมของกลุ่มเครือข่ายดังกล่าวนี้ จะทำการติดต่อกับลูกค้าหรือผู้ใช้บริการ ผ่านทางออนไลน์เช่น กลุ่มไลน์ ,เฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์ พบว่าลูกค้ามีทั้งนักธุรกิจและอีกหลากหลายอาชีพ ที่อยากได้เด็กมามาร่วมประเวณีก็จะติดต่อมาทางแม่เล้า โดยบางรายได้ติดต่อเด็ก 2-3 คน มาร่วมประเวณีในครั้งเดียว หรือที่เรียกกันว่า สวิงกิ้ง ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมและเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และทีโทษทางกฎหมายที่รุนแรง ประกอบกับเป็นช่วงที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้สุ่มเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสจึงทำให้มีโทษทางกฎหมายที่หนักขึ้นไปด้วย
พล.ต.ท.ประจวบ กล่าวต่อว่า โดยกลุ่มแม่เล้าจะทำการชักชวนเด็กมาทำงานโดยการ ชวนมาทำงานปกติเช่น เป็นเด็กเสิร์ฟร้านอาหาร รับจ้างทั่วไป พอนานวันได้พาไปเป็นเด็กชงเหล้าหรือที่เรียกว่าเด็กเอ็นเตอร์เทน จนพัฒนาไปจนถึงการขายบริการทางเพศ สำหรับลูกค้าที่ตามจับกุมได้เกิดจาก กลุ่มลูกค้าเหล่านี้ใช้บริการเด็กซ้ำหลายครั้ง จนทำให้เด็กจำหน้าได้ จึงทำให้สามารถตามจับกุมมาได้
อยากฝากเตือนถึงบุคคลที่มีพฤติกรรมในลักษณะนี้ว่า ไม่ควรกระทำอย่างยิ่งโดยเฉพาะในเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี และไม่เกิน 15 ปี เนื่องจากมีโทษฐานความผิดทางกฎหมายที่ค่อนข้างหนัก และในส่วนของผู้ที่ประสานงานติดต่อนั้นก็มีความผิดในข้อหาการค้ามนุษย์ ซึ่งก็มีโทษหนักด้วย การกระทำดังกล่าวสามารถตรวจสอบได้ และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังจะขยายผลไปสู่ขบวนการทั้งหมดอยู่ รวมไปถึงพระภิกษุสงฆ์ มีการซื้อบริการด้วยแต่ไมได้นัดไปที่วัด ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจออกติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีต่อไป