ชาวสวนโวยสนั่น! ค่าส่งลำไยแพงหูฉี่ กระทบขายออนไลน์

วันที่ 23 สิงหาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวสวนลำไยในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ได้มีการเรียกร้องผ่านผู้สื่อข่าว ขอให้บริษัทไปรษณีย์ไทย ออกมาตรการช่วยเหลือ หลังจากบริษัทขนส่งเอกชนรวมทั้งไปรษณีย์ไทย งดให้บริการขนส่งผลไม้เปลือกอ่อนในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ชาวสวนขายผลผลิตทางออนไลน์ไม่ได้ ขณะที่บริษัทขนส่งเอกชนบางรายที่ยังให้บริการ แต่กลับคิดค่าบริการขนส่งที่สูงขึ้นกว่าปกติ ทำให้ลูกค้าตัดสินใจไม่ซื้อลำไยเนื่องจากค่าขนส่งที่สูง และหากเกษตรกรเป็นผู้รับผิดชอบค่าส่งจะทำให้ต้นทุนเพิ่มสูงขึ้น

นายเอนก ใยอินทร์ ตัวแทนชาวสวนลำไยในอำเภอสารภี เปิดเผยว่า ขณะนี้เร่งเก็บผลผลิตลำไยส่งขายให้กับโกดังรับซื้อก่อนที่ผลผลิตจะเริ่มเน่าเสีย พร้อมกับเผยว่าแม้ทางการจีนจะกลับมารับซื้อผลผลิต แต่ขณะนี้ชาวสวนลำไยที่จังหวัดเชียงใหม่และลำพูนจำนวนมากกำลังประสบปัญหา เนื่องจากไม่สามารถขายผลผลิตทางออนไลน์ได้ ทั้งที่มีคำสั่งซื้อมาอย่างต่อเนื่อง บีบให้ต้องส่งขายให้กับโกดังรับซื้อส่งจีนที่ให้ราคาต่ำสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด 19

ทั้งนี้ ทำให้บริษัทขนส่งเอกชนหลายแห่งรวมทั้งไปรษณีย์ไทยงดให้บริการขนส่งสินค้าประเภทผลไม้เปลือกอ่อน กระทบกับชาวสวนที่พยายามใช้ช่องทางขายออนไลน์เพื่อระบายผลผลิต ลดการพึ่งพาตลาดจีนที่ให้ราคาต่ำ หากจะไปใช้บริการขนส่งเอกชนบางรายที่ยังเปิดอยู่ก็ทำไม่ได้ เนื่องจากคิดค่าบริการในราคาสูง เช่น ส่งลำไยกล่องละ 5 กิโลกรัม คิดค่าส่งถึง 200 บาท ไม่คุ้มทุน

นายเอนก กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นบรรดาชาวสวนลำไยอยากเรียกร้องให้ไปรษณีย์ไทยในฐานะที่เป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ เข้ามาช่วยเหลือออกมาตรการให้บริการขนส่งลำไยจากภาคเหนือกระจายสู่ทุกภูมิภาค เพื่อเป็นการส่งเสริมการบริโภคผลไม้ไทยในประเทศและช่วยเหลือเพิ่มช่องทางระบายผลผลิตให้กับพี่น้องชาวสวน

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากการลงพื้นที่สำรวจราคาขนส่งพัสดุประเภทผลไม้ พบว่าในขณะนี้มีบริษัทขนส่งเอกชนงดรับพัสดุจำนวน 3 แห่ง และทางบริษัทไปรษณีย์ไทย งดรับเช่นเดียวกัน ขณะที่มีบริษัทขนส่งเอกชนบางรายยังเปิดรับส่งพัสดุแต่ราคาถือว่าสูง อย่างเช่น ส่งลำไยน้ำหนัก 10 กิโลกรัม จากจังหวัดเชียงใหม่ไปที่กรุงเทพมหานคร ทางบริษัทคิดค่าขนส่ง 160 บาทต่อกล่อง