
การกินผลไม้ตามฤดูกาลคือความสุขสำราญของจริง ยิ่งช่วงนี้เป็นฤดูกาลของ “ทุเรียน” ทุเจ้าของฉายา “ราชาผลไม้” หรือ King of fruits ที่มีรสชาติหวานมันและมีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งในทุเรียนก็มีทั้งประโยชน์และโทษหากกินในปริมาณที่มากเกินไป โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวอย่าง “โรคเบาหวาน” ที่ต้องระวังเรื่องของน้ำตาลให้มากกว่าคนปกติ
ไม่ใช่แค่ขนาด รูปลักษณ์ ชื่อ สีและรสชาติของทุเรียนเท่านั้นที่ต่างกัน แต่จำนวนแคลอรีในทุเรียนแต่ละชนิดยังให้พลังงานและปริมาณน้ำตาลไม่เท่ากัน อยากกินทุเรียนให้ฟินต้องเช็กกันหน่อยแล้วว่าแคลอรีทุเรียน 4 พันธุ์ยอดฮิต อย่างหมอนทอง-ชะนี-ก้านยาว-กระดุม แต่ละชนิดให้พลังงานเท่าไร กินยังไงไม่ให้อ้วน!
ทุเรียนหมอนทองมีเนื้อเป็นสีเหลืองอ่อนคล้ายสีทองอร่าม เนื้อเยอะ เทล็ดไม่ใหญ่ มีกลิ่นไม่แรงมาก รสชาติหวานมันกำลังดี จึงเป็นทุเรียนสายพันธุ์ยอดฮิตติดอันดับต้นๆ ของไทย
ทุเรียนสายพันธุ์นี้ค่อนข้างมีกลิ่นแรง เนื้อทุเรียนชะนีสีเหลืองจัด รสหวานมากก่าหมอนทอง ราคาไม่แรง หลายคนจึงชื่นชอบทุเรียนชะนี
ทุเรียนพันธุ์ก้านยาวเป็นพันธุ์ที่ค่อนข้างหากินยาก ราคาค่อนข้างแพง มีรสชาติที่กลมกล่อม หวานมันกำลังดี เนื้อเนียนละเอียด สีเหลืองปานกลาง และกลิ่นไม่แรงมาก
ทุเรียนสายบพันธุ์กระดุมมีผลขนาดเล็ก เมล็ดใหญ่ เนื้อทุเรียนค่อนข้างละเอียด นุ่ม มีสีเหลืองอ่อน กลิ่นไม่ฉุนนัก ส่วนรสชาติออกหวาน ไม่มันเหมือนทุเรียนสายพันธุ์อื่น
ทุเรียนเป็นผลไม้ที่ให้พลังงานสูงและมีปริมาณน้ำตาลค่อนข้างสูง โดยเฉลี่ยแล้วทุเรียน 1 เม็ดขนาดกลาง (40 กรัม) ก็ให้พลังงานเทียบเท่ากับข้าวสวยเกือบทัพพี หรือเทียบง่าย ๆ คือ ทุเรียน 1 เม็ดเล็กให้พลังงานประมาณ 60-80 กิโลแคลอรีเลยทีเดียว
ดังนั้น จึงแนะนำให้กินทุเรียนอย่างพอเหมาะ วันละไม่เกิน 2 เม็ด และหากเลือกกินทุเรียนแล้วควรงดน้ำหวาน งดอาหารและขนมประเภทแป้ง เพื่อไม่ให้ร่างกายได้รับพลังงานที่เกินความต้องการ นอกจากนี้ ก็ควรหมั่นออกกำลังกายเพื่อช่วยเผาผลาญพลังงานจากอาหารที่เรากินเข้าไปในแต่ละวันด้วย
ในทุเรียนอุดมไปด้วยคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน และมีแร่ธาตุหลายชนิด เช่น โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส แคลเซียม และยังมีสารประกอบซัลเฟอร์หรือกำมะถัน เช่น thiols, thioethers, ester และ sulphides ซึ่งทำให้ทุเรียนมีกลิ่นเฉพาะตัวที่รุนแรง และสารสำคัญที่พบในทุเรียนคือสารในกลุ่มคาโรทีนอยด์ ฟลาโวนอยด์ และโพลีฟีนอล นอกจากนี้ ทุเรียนยังมีวิตามินซีสูง ช่วยดีท็อกซ์ลำไส้ ระบบขับถ่ายดีขึ้น ช่วยเรื่องการเผาผลาญ มีวิตามินบี 9 ช่วยชะลอความแก่ อีกทั้งยังช่วยปรับสมดุลระดับความดันโลหิตช่วยลดความเครียดได้ด้วย
สำหรับคนที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคไต โรคเบาหวาน โรคหัวใจและโรคความดันโลหิตสูง ควรระมัดระวังเรื่องการกินทุเรียนมากกว่าคนทั่วไป อาจกินได้แต่ต้องกินในปริมาณน้อยกว่าคนปกติและไม่บ่อยเกินไป เพราะการกินทุเรียนปริมาณมากหรือกินทุเรียนบ่อยเกินไป จะส่งผลต่อระดับน้ำตาลและไขมันในเลือดได้
ไม่ควรกินทุเรียนร่วมกับเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เนื่องจากทุเรียนเป็นอาหารที่มีไขมันและคาร์โบไฮเดรตสูง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็ให้พลังงานสูงเช่นเดียวกัน เมื่อกินทุเรียนร่วมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ร่างกายจะได้รับพลังงานที่มากเกินไป ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เกิดกระบวนการเผาผลาญเพื่อกำจัดของเสียเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ กรดกำมะถันในทุเรียนจะทำให้เอนไซม์ที่กำจัดสารพิษจากกระบวนการเผาผลาญลดลง หากมีปัญหาสุขภาพหรือโรคประจำตัว อาจทำให้เกิดอาการหน้าแดง ชา วิงเวียนและอาเจียน หากนำส่งโรงพยาบาลไม่ทันอาจเสียชีวิตได้